เรื่องเด่น การทรงสมาธิให้ได้โดยเร็ว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Nok_Pannee, 7 สิงหาคม 2017.

  1. Nok_Pannee

    Nok_Pannee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2014
    โพสต์:
    7
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +43
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,047
    สมาธิมันต้องเข้าออกบ่อยๆครับ
    มันถึงจะมีกำลังสมาธิสะสมจากการ
    เข้าและออกตรงนี้ และได้กำลังสติ
    ในการรักษาอารมย์ในระดับสมาธินั้นๆครับ....

    นักปฏิบัติที่พลาดกันนั่งสมาธิกันไม่ค่อยได้
    หรือใช้เวลานานมากกว่าจะเข้าสมาธิได้เพราะ
    เริ่มแรกไปพยายามที่จะเข้าสมาธิระดับโน้นนี่นั้นให้ได้
    ซึ่งกลายเป็นมีกิเลสนำในการเข้าสมาธิ
    เราต้องควรรู้จักปล่อยวาง ว่าจะเข้าได้
    หรือไม่ได้ หรือได้แค่ไหนก็แค่นั้นครับ

    และที่ยิ่งพลาดไปอีกก็คือเมื่อเข้าได้บ้างแล้ว
    ไปพยายามที่จะรักษาสภาวะที่เข้าไปแล้วให้นานขึ้น
    ตรงนี้จะกลายเป็นตัณหาทันทีครับ
    และเมื่อหลุดจากอารมย์แล้ว
    และจะไปพยายามเข้าอีก
    ยิ่งกลายเป็นพยายามซ้อนความพยายาม
    ยิ่งทำให้เข้าถึงสภาวะนั้นยากขึ้นไปอีกครับ

    ปล.เพราะฉนั้นให้ระวังเรื่อง การใช้ความพยายาม
    เรื่องตัณหา ในการทำสมาธิให้ดีครับ....
    สมาธิถ้าได้แล้วจริงๆ ใช้งานได้
    คือมันจบเลยนะครับ
    ระวังปลาตายน้ำตื้นให้ดีๆครับ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,047
    ก็บอกแล้วให้ระวังปลาตายน้ำตื่นให้ดีๆ
    นั่นมันคำพูดของสายตรง
    ลพ. ผู้เป็นเลิศด้านการสอนวิชาพิเศษ
    ชอบพูดกันครับ ได้ยินมาเยอะครับ
    ก็จะมั่นมากว่า ที่ตนได้ยินคือถูกต้องที่สุด
    ถึงได้มาฟันธงว่า คนอื่นๆผิด..
    ด้วยไม่เข้าใจสภาวะที่ข้าพเจ้าได้อธิบาย
    และด้วยการที่ได้ยิน ได้ฟังคำสอนมา
    แล้วชอบไป วิเคราะห์ วิพาษก์
    ไปตีความเข้าเอง แต่ไม่เข้าถึง
    สภาวะการปฏิบัติจริงๆ..
    ส่วนมากถึงได้ พากันหลงสภาวะสมาธิกัน
    คิดว่า สภาวะระดับอุปจารสมาธิที่ตนทำได้
    เป็นระดับฌาน ๔ และคิดว่า การที่ตน
    นั่งหลับตาปี๋แล้วไปเห็นโน้นนี่ได้นั้น
    เป็นอะไรที่คิดว่า ตนวิเศษมาก...
    พวกที่ เข้าใจสภาวะว่า ให้จำอารมย์
    นั้นไว้แล้วไปต่อ คือ หมูสนามจริง
    สิงห์สนามซ้อม
    ผมพูดเพื่อให้ไปถึง
    ระดับที่จะใช้งานได้
    รู้จักไหม ใช้งานได้
    ไม่ใช่เคยนั่งได้
    เช่น อุปจารสมาธิสามารถ
    มโนไปโน้นนี่น้่นได้
    ฌาน ๑ เรียกพลังงานต่างๆได้
    ฌาน ๒ คล้ายเส้น ดึง ส่งพลังงานได้
    ฌาน ๓ ย้ายเส้นเอ็นได้
    ฌาน ๔ เล่นแร่แปรธาตุได้
    นี่แค่ยกตัวอย่าง

    สมาธิมันเป็นสภาวะ
    มันไม่ได้ใช้การจำเอาหรอกครับ
    จิตมันโง่และซื่อบื่อโดยปกติ
    กำลังสมาธิในการทำอะไรได้
    มันต้องได้จากการข่ม การกด
    ด้วยการลดระดับคลื่นความถี่ของจิต
    มาก่อน บ่อยๆ ไม่ใช่ไปจำเอา
    จำเอา แล้วเมื่อไรมันจะใช้งานได้หละครับ

    ถ้างั้นยกตัวอย่าง อรูปฌาน แบบปัญญาอ่อน แบบไม่ต้องขึ้นรูป

    ที่ไม่จำเป็นต้องฝึกสมาธิอะไรมาเลย
    ก็เข้าถึงได้ ถ้าหากคนนั้นเกิดขึ้นได้
    แล้วเวลาลืมตาขึ้นมา ทำไมบุคคลนั้น
    ถึงไม่มีความสามารถ ในการเล่น
    กับพลังงานทั้งภายในและภายนอกได้หละครับ ไม่ว่า กสิณหรือพลังงานร้อนหรือเย็น
    ถ้าใช้คำว่า จำอารมย์เอาได้

    ตัวอย่าง ถ้าคุณเข้าว่าว่าเคยนั่งได้ถึงฌาน ๔ มาก่อน ทำไมคุณเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้
    ถามว่า ทำไมคุณถึงฝึกกสิณไม่ได้
    ทำไมคุณย้ายเส้นเอ็นไม่ได้
    ทำไมคุณ ไม่มีความสามารถเรียก
    พลังงานกสิณขึ้นมา และเรียกให้ขึ้น
    หรือแสดงให้ผู้อื่นๆได้หละครับ
    ที่เล่าคือตัวอย่าง

    ระดับสมาธิ หรือ ทรงสมาธิระดับไหน
    เค้าวัดกันที่ความสามารถในการใช้
    งานได้จริงๆของสมาธิระดับนั้นๆ
    ภายในเวลาเสี้ยววินาที
    ไม่ว่าที่ใด เมื่อไร สภาพใดก็ตาม
    และที่สำคัญคือลืมตาปกติ....

    มันแต่ไปตีความ จากที่ได้ยิน
    ก็จะตายน้ำตื่นอย่างข้อความ
    ที่เขียนแบบมั่นใจข้างบนนั่นหละครับ

    ปล.เข้าใจหรือยัง อุตสาห์เตือนแล้ว
    ให้ระวังปลาตายน้ำตื่น...

    มีย้ำตัวหนังสือด้วย
    แบบมั่นใจตัวเองสุดๆ
    หวังว่าจะเข้าใจที่พูดนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...