พระทันตธาตุ ชุด100ปีชาตกาล - วัตถุมงคล หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย bat119, 20 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,600
    ค่าพลัง:
    +30,884
    ed935940555th ราษฎร์บูรณ
     
  2. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,600
    ค่าพลัง:
    +30,884
    ed935913691th ลาดพร้าว
     
  3. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,600
    ค่าพลัง:
    +30,884
    ลอกเก็ตพระธรรมธาตุ หลวงปู่พิศดู
    ลอกเก็ตพระธรรมธาตุ.jpg2.jpg

    ลอกเก็ตพระธรรมธาตุ.jpg

    ล็อคเก็ต รุ่นพระธรรมธาตุ หลวงปู่พิศดู
    - ล็อกเก็ตนี้ก็เป็นรุ่นเดียวกันกับรูปหล่อพระธรรมธาตุ สร้างขึ้นเมื่อต้นปี พ.ศ.2553 โดยความตั้งใจขององค์หลวงปู่พิศดูและท่านครูบากฤษดา โดยองค์หลวงปู่ท่านเป็นผู้เลือกแบบรูปที่จะนำมาจัดสร้างเองโดยบอกว่า " ให้เอารูปยิ้มไปทำ ด้านหลังปิดผนึกด้วยแผ่นยันต์องค์พระเมตตา ยันต์ผู้ชนะสิบทิศ และหัวใจพระคาถาต่างๆ ซึ่งถอดจากลายมือจารของท่านครูบากฤษดาเอง.. เข้าพิธีพุทธาภิเษกในปี 2553 พร้อมกับ พระกริ่ง-ชัยวัฒน์ธัมมจารี และ พระกริ่งมังกรฟ้า โดยมีองค์หลวงปู่ร่วมกับท่านครูบาอธิษฐานจิตเรื่อยมาอีกหลายวาระ...
    จัดว่าสมบูณณ์แบบที่สุด ไม่แพ้ล็อกเก็ตรุ่นใดที่เคยสร้างมา เพื่อบูชาพระคุณองค์หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี และเป็นอาจาริยานุสรณ์ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจของลูกศิษย์ ในยามที่องค์หลวงปู่จากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงจิตแห่งพระธรรมธาตุ อันบริสุทธิ์..
    ล็อกเก็ตพระธรรมธาตุ หลวงปู่พิศดู อธิษฐานจิตโดยครูบากฤษดา และหลวงปู่พิศดู จำนวนสร้างมีรายละเอียด ดังนี้
    - หลังเงิน 100 องค์
    - หลังกะไหล่ทอง 300 องค์
    สำหรับแจกสาธุชนที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่และผู้มีคุณประโยชน์จริงๆ เช่นเดียวกับรูปหล่อลอยองค์ครับ
     
  4. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,600
    ค่าพลัง:
    +30,884
    หลวงพ่อสำเภา วัดสะพาน เหรียญเสมา ปี2519 เนื้อนวะ
    [​IMG]

    [​IMG]

    หลวงพ่อสำเภา วัดสะพาน พระเถราจารย์ยุคเก่าเมืองชัยนาท
    ถ้าใครยังไม่รู้จักก็..มา ..มานี่เลย จะเล่าให้ฟัง ส่วนใครที่รู้จักแล้วก็คงจะทราบดีว่า หลวงพ่อสำเภา ท่านเก่งกาจขนาดไหน แต่ด้วยเหตุใด ชื่อเสียงของท่านกลับไม่เป็นที่รู้จักของวงการพระเอาเสียเลย เรียกว่าถ้าออกนอกเมืองชัยนาทแล้ว น้อยคนนักที่จะรู้จัก แต่ถ้าคนชัยนาทแล้วในยุคสมัยก่อนต้องยกท่านเป็นอันดับต้นๆของยอดเกจิเลยก็ว่าได้ ยิ่งในตัวตลาดชัยนาทสมัยก่อนทุกบ้านทุกครัวเรือนต้องมีรูปภาพ รูปถ่าย และวัตถุมงคลของท่านทุกครัวเรือนจริงๆ วัดของท่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ลงทางสะพานใหม่ไปแล้วเลี้ยวขวาไปสัก 2 กิโลฯ ก็เจอแล้ว....แต่เก่แต่ก่อนนั้นถนนหนทางยังไม่สะดวกขนาดนี้ การสัญจรยังคงใช้ทางน้ำทางเรือเป็นที่สำคัญ เรือทุกลำที่แล่นผ่านหน้าวัดไม่ว่าจะไปทางไหนก็แล้วแต่ ต้องมาจอดเทียบท่าหน้าวัดแล้วให้หลวงพ่อท่านรดน้ำมนต์ประพรมเรือให้เป็นศิริมงคล ผู้เฒ่าท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า "เรือที่มาจอดเพื่อรอรถน้ำมนต์กับหลวงพ่อนับได้หลายสิบลำเลยทีเดียว ถ้าทั้งวันก็ต้องหลักร้อยละครับ เพราะอย่างที่ว่าสมัยก่อนนั้น ยังไม่มี รถ ป.1 หรือ รถตู้วิ่งรับส่ง เหมือนทุกวันนี้
    ◎ มาฟังประวัติของหลวงพ่อกันหน่อยสิ..ว่าท่านเป็นมาอย่างไร
    ...แทบจะว่าได้ว่า หลวงพ่อสำเภา ท่านเป็นพระเกจิยุคเก่าเมืองชัยนาทที่หาประวัติยากที่สุดองค์หนึ่งเหมือนกัน ขนาดว่าท่านมีสมณศักดิ์เป็นถึงพระครูชั้นสัญญาบัตร ชั้นโท เชียวนา..แต่ไหงทางวัดกลับไม่มีประวัติของท่านเก็บไว้ ...จากการสอบถามท่านผู้เฒ่าท่านหนึ่ง(อีกแล้ว) จำชื่อคุณลุงไม่ได้ขอโทษจริงๆ ที่ท่านมีชีวิตอยู่ทันได้เห็นความเก่งกาจมีอภินิหารของหลวงพ่อในยุคนั้น กล่าวคือ ตอนนั้นท่านเพิ่งอายุ 10 กว่าขวบก็เห็นหลวงพ่อท่านเก่งแล้ว...ประวัติท่านมีอยู่ว่าท่าน เกิดประมาณปี พ.ศ 2420 ท่านมีภูมิลำเนาถิ่นฐานบ้านเกิดอยู่เมืองกรุงเก่า อยุธยา ในสมัยหนุ่มนั้นท่านได้ขึ้นชื่อว่า เป็นเสือปล้นที่น่ากลัวคนหนึ่งในยุคนั้นเลยทีเดียว คงเป็นประเภท "ไอ้เสือ เอา วา" อะไรอย่างนี้แหล่ะครับ ท่านมีชุมโจรของท่านเอง อยู่แถบ อ.อุทัย จนอายุได้ 30กว่าๆ พ่อกับแม่ต้องขอร้องให้เลิกเป็นโจรและให้ไปอยู่ที่อื่น เพราะทางการกำลังตามตัวท่านอยู่ ท่านจึงหนีมาอยู่ที่เมืองลพบุรี และได้แต่งงานมีครอบครัว แต่มีลูกหรือเปล่านี่ไม่แน่ใจนะ แต่ว่าเลิกเป็นโจรแล้วละ ก็ประกอบสัมมาชีพ ปกติสุข จนวันหนึ่งได้เห็นพระบิณฑบาตร ในตอนเช้า ท่านก็นึกได้ว่า ตัวเรารึที่ผ่านมาก็ทำแต่กรรมชั่วไว้ มิเคยได้บวชเรียนให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ เมื่อปรึกษาภรรยาแล้วจึงตัดสินใจบวช ที่วัดบ้านดาบ โดยมีหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์แช่ม วัดบ้านดาบ (หลวงพ่อแช่มท่านนี้เป็นเกจิยุคเก่าที่ขึ้นชื่อมากของเมืองลพบุรี แถมยังเป็นสหธรรมมิกกันกับหลวงปู่ศุขอีกด้วยนะจะบอกให้) หลังจากบวชแล้วก็ศึกษาพระธรรมวินัยและวิชาต่างๆจากหลวงพ่อแช่ม วัดบ้านดาบ ,หลวงพ่อเอิบ วัดบ้านลาด(หลวงพ่อเอิบท่านนี้หลายๆๆๆๆ ท่านเข้าใจผิดมาตลอดว่า ท่านอยู่เพชรบุรี เจ้าของเหรียญสุดหายากติดตำนานเหรียญหายากของเมืองไทยเลยนะ เหรียญท่านเป็นรูปแตงโม ออก ปี พ.ศ 2473) ....ขอย้อนกลับมาที่เมืองชัยนาท ขณะนั้นวัดสะพานกำลังจะกลายเป็นวัดร้าง เพราะหลวงปู่เล็ก อดีตเจ้าอาวาสองค์เก่าได้มรณภาพลง (หลวงปู่เล็กท่านนี้เก่งมากเหมือนกัน อธิบาย 3 วันไม่จบ) หลวงพ่อคง(วัดบางกะพี้) ซึ่งว่ากันว่าท่านเป็นพระอาจารย์องค์หนึ่งของหลวงปู่ศุขและหลวงพ่อแช่ม ได้เล่าให้พระอาจารย์ทั้งสองท่านฟังเรื่องวัดสะพานจะกลายเป็นวัดร้างและเสียดายเพราะที่ดินวัดนั้นเป็นของหลวงปู่เล็ก(เขาว่านะ) หลวงพ่อแช่มได้ยินดังนั้นจึงกลับไปถามหลวงพ่อสำเภาว่า "อยากมาจำวัดอยู่ที่เมืองชัยนาทไหม?" หลวงพ่อสำเภา เห็นเป็นโอกาสดีที่จะได้ตัดห่างทางครอบครัวไม่ให้เกิดห่วงใดๆจึงตอบตกลงที่จะมาจำวัดตั้งแต่นั้นมา
    เมื่อหลวงพ่อสำเภาตัดสินใจที่จะมาจำวัดอยู่ ณ เมืองชัยนาทแล้ว ขณะนั้นแถวอาณาบริเวณวัดยังเป็นป่ารกอยู่มาก หลวงพ่อสำเภาท่านได้ขอแรงญาติโยมช่วยกันแผ้วถางป่า และซ่อมแซมศาสนสถานที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา (ญาติโยมจำนวนหนึ่งได้ติดตามหลวงพ่อมาจากลพบุรีเพื่อมาตั้งรกรากหลายท่านเหมือนกัน) หลวงพ่อเมื่อมาอยู่แล้วก็ตั้งใจพัฒนาวัดขึ้นตามกำลังไปทีละเล็กละน้อย เวลาว่างก็ได้ไปศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติมกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า (จะเห็นได้จากรูปที่ทั้งสองท่านยืนเคียงคู่กันในงานฌาปณกิจศพ หลวงพ่อคง วัดบางกะพี้ ประมาณปี พ.ศ 2456) ...จากวัดที่ใกล้ทรุดโทรมก็กลายเป็นวัดเจริญขึ้นมาอย่างมากในยุคของหลวงพ่อ ทั้ง ศาลาการเปรียญหลังใหญ่,หอระฆัง,โบสถ์ จนถึงกับมีการสร้างโรงเรียนประถมขึ้นมาในนามว่า "โรงเรียน สำเภาผดุงวิทย์" มีเด็กมาเรียนหลายร้อยคนถือว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองสุดขีดก็ว่าได้ (ปัจจุบันโรงเรียนถูกยุบไปแล้ว) บ้านเรือนริมฝั่งน้ำก็มากขึ้น เพราะผู้คนมาร่วมทำบุญกับหลวงพ่อมากมายในยุคนั้น ว่ากันว่า ท่านมีวิชารักษาคนบ้า คนวิกลจริต ให้หายเป็นปกติเลยเชียวนา ในลานวัดยุคนั้นจะมีแต่ชาวบ้าน พาญาติพี่น้อง ที่เป็นบ้า เสียสติ เพราะเหตุใดก็แล้วแต่ มาเต็มลานวัดเพื่อขอให้หลวงพ่อช่วยรักษาให้ และทุกรายก็ไม่ผิดหวังเลย กับเป็นคนปกติในสามวันเท่านั้น ยิ่งทำให้ชื่อเสียงหลวงพ่อดังออกไปอีก ผู้คนแห่แหนมาทั่วสารทิศ เพื่อมาขอบารมีหลวงพ่อให้ช่วยเหลือในทุกๆเรื่อง..เห็นมั้ยละว่า หลวงพ่อท่านเก่งแค่ไหน
    เมื่อท่านเป็นพระที่ดี ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกคน ทำให้ชาวบ้านเกิดศรัทธา และได้ขอ สมณศักดิ์ให้ท่านที่ "พระครูพิศาลชโยดม" อันเป็นสมณศักดิ์สูงสุด ของท่านสร้างความปราบปลื้มใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก...แต่สุดท้ายแล้วของชีวิตไม่ว่าผู้ใดก็ตามต่างก็ต้องมีปลายทางสุดท้ายของชีวิตเหมือนกันทั้งนั้น หลวงพ่อ ได้ มรณะภาพลง ในปี พ.ศ 2508 สิริอายุรวม 88 ปีพอดี ยังความเศร้าโสกเสียใจมายังผู้ที่รักและศรัทธาหลวงพ่ออย่างมากมายในยุคนั้น
    บทความโดย: จ่าเจ๋ง ศรีชัยนาท
     
  5. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,600
    ค่าพลัง:
    +30,884
    sold.jpg
     
  6. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,600
    ค่าพลัง:
    +30,884
    ed935933299th เชียงใหม่
     
  7. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,600
    ค่าพลัง:
    +30,884
    ล็อกเก็ตปู่หลาน(ฉากใหญ่) หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา
    ลอกเก็ตปู่-หลาน.jpg

    ลอกเก็ตปู่-หลาน.jpg2.jpg

    ล็อกเก็ตรุ่นนี้สร้างโดยคณะศิษย์ชุดอุปัฏฐาก เป็นผู้สร้าง โดยองค์หลวงปู่สั่งการไว้เมื่อประมาณกลางปี 2553 โดยบอกว่า ให้ไปทำมาเลย ทางลูกศิษย์ก็เลยสนองพระเมตตาขององค์ท่าน โดยกำหนดเอารูปของหลวงปู่พิศดู กับท่านครูบากฤษดา อยู่คู่กันเป็นรุ่นที่2 ล็อกเก็ตชุดนี้ได้รวบรวมทั้งชนวน-มวลสารต่างๆมากมายสุดเท่าที่จะหาได้ โดยรวบรวมเอามวลสารจากวัตถุมงคลทุกรุ่นขององค์หลวงปู่พิศดูเอาไว้ในนี้ทั้งหมด และได้มวลสารจากครูอาจารย์ต่างๆนับไม่ถ้วนมาผสมรวมกันเพื่อบรรจุใส่ด้านหลังล็อกเก็ตรุ่นนี้ และยังได้สร้าง เหรียญพระมหาอุปคุตขนาดเล็ก เพื่อเอาไว้บรรจุใส่ด้านหลังล็อกเก็ตรุ่นนี้อีกด้วย ส่วนพิธีเสกนั้นได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกพร้อมกับรูปหล่อองค์หลวงปู่พิศดู รุ่นพระธรรมธาตุ และพระชุดนี้ได้อยู่กับองค์หลวงปู่พิศดูตราบจนท่านเข้าสู่นิพพาน จำนวนล็อกเก็ตที่สร้างทั้งหมด..
    - ล็อกเก็ตสี่เหลี่ยม รูปหลวงปู่-ครูบา ฉากทอง องค์เล็ก 30 องค์
    - ล็อกเก็ตสี่เหลี่ยม รูปหลวงปู่-ครูบา ฉากทอง องค์ใหญ่ 30 องค์
    - ล็อกเก็ตสี่เหลี่ยม รูปหลวงปู่-ครูบา ฉากขาว องค์เล็ก 109 องค์
    - ล็อกเก็ตสี่เหลี่ยม รูปหลวงปู่-ครูบา ฉากขาว องค์ใหญ่ 109 องค์

    ข้อมูลเชิงลึก ลอกเก็ตปู่-หลาน

    https://www.facebook.com/sitthiphon...ZP7S8Lzsb1KggFWBvQ4o1fCdFnq9zzDMJ1isKbvyo9tal
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2024
  8. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,600
    ค่าพลัง:
    +30,884
    กราบเรา กราบที่ไหนก็ได้ แค่คิดถึงก็พอ_เรารู้ 1f64f-png.png หลวงปู่พิศดูนั่งถือไม้ทำใหม่วินเทจใส่ขอบ1.jpg
     
  9. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,600
    ค่าพลัง:
    +30,884
    หิ้งพระ+รูปหล่อ2.jpg

    [#โยมกินแทนเลย]
    เรื่องนี้ลุงผู้ใหญ่(เทพ)ลูกศิษย์ของหลวงปู่อีกท่านนึง ได้เล่าให้ฟังค่ะว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งลุงได้สั่งให้แม่บ้านทำกับข้าวเมนู แกงเลียงเห็ดสามอย่าง เพื่อนำไปถวายหลวงปู่ เพื่อให้ท่านฉันเป็นอาหารบำรุงธาตุขันธ์.. พอต้มเสร็จก็ได้ใส่หม้อเคลือบมีฝาปิดอย่างดี กำลังจะนำไปถวายหลวงปู่ที่วัด ลุงก็เลยชวนเพื่อนที่ทำงานไปถวายภัตตาหารแด่หลวงปู่ด้วยกัน เพื่อนเขาก็เลยตกลงไปหาหลวงปู่ด้วย แต่ระหว่างการเดินทางนั้น โดยลุงผู้ใหญ่เป็นผู้ขับรถ ส่วนเพื่อนของลุงได้นั่งด้านข้าง แต่อาจด้วยความไม่ทราบในกาละเทศะบางอย่าง เพื่อนของลุงนั้นได้นำหม้อที่ใส่แกงจืดเห็ดนั้น วางที่พื้นล่างข้างๆที่วางเท้าของเขา(อาจเพื่อความสะดวกไม่ต้องถือ) พอลุงผู้ใหญ่เห็นดังนั้นก็เลยตำหนิเพื่อนว่า " ทำไมเอาของถวายพระไปวางตรงนั้นล่ะ ทำไมไม่ถือไว้ดีๆ " เพื่อนของลุงก็ทำเหมือนไม่ค่อยพอใจ เลยยกขึ้นมาวางไว้ตรงเบาะนั่งบริเวณหว่างขาอีก พอลุงผู้ใหญ่เห็นก็ตำหนิเพื่อนไปอีกว่า " เอ้า..!!! นี่ของถวายพระนะเอาไปวางไว้ตรงนั้นอีก... เฮ้ออ ฯลฯ.. เชื่อผมไหม คอยดูนะว่า..หลวงปู่ท่านไม่ฉันแกงเลียงเห็ดนี้แน่นอน เพราะหลวงปู่ท่านรู้หมดนะว่าก่อนที่เราจะไปถึงท่าน เราทำอะไรบ้าง... " เพื่อนของลุงก็บอกว่า " โอ้ย..หลวงปู่ท่านจะรู้ได้ยังไง ท่านเห็นโยมมาถวายของ ท่านก็รับหมดแหล่ะ..."
    และพอมาถึงวัด ลุงผู้ใหญ่ก็บอกหลวงปู่ว่า มีแกงเลียงเห็ดมาถวายหลวงปู่ครับ.. แล้วลุงผู้ใหญ่ก็ให้เพื่อนคนนั้นเอาเข้าไปถวาย พอหลวงปู่ท่านเห็นเท่านั้น ท่านก็บอกว่า..
    " เอ้า.. เรารับแล้ว วางเอาไว้ตรงนั้นแหละโยม....ของนี้คนที่ทำมาถวาย(เจ้าภาพ)เจตนาเขาบริสุทธิ์ เรารับแล้วนะได้บุญแล้ว.. แต่เราอยากให้โยม( เพื่อนของลุง) กินแทนเลย.."?????...
    สรุปแล้ว เพื่อนของลุงก็เลยต้องกินแกงเลียงเห็ดนั้นเอง ทั้งๆที่แกงเลียงเห็ดนั้นก็เป็นรายการอาหารที่องค์หลวงปู่ท่านโปรดด้วย และทุกครั้งที่เคยทำมาถวายท่านก็จะฉันให้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ท่านไม่ฉัน.. เห็นได้ชัดเลยว่า เจตนาของผู้ที่ทำแกงเลียงเห็ดสามอย่างนี้มาถวาย เขาบริสุทธิ์จริงๆตามที่องค์หลวงปู่บอกไว้.. แต่เจตนาของผู้ที่ถือมาอาจทำด้วยอาการไม่เคารพในธรรม ท่านก็เลยรับแต่ในนาม เพื่อให้เจ้าภาพเขาสบายใจ และอาจแสดงให้ใครบางคน(เพื่อนของลุง)ทราบว่า หลวงปู่ท่านรู้สภาวะจิตได้อย่างละเอียดจริงๆ ท่านจึงเลือกไม่ฉัน ไม่ใช่ด้วยความรังเกียจ แต่คงเป็นเพราะท่านอยากจะสอนอะไรบางอย่างให้ก็เป็นได้ เพื่อให้เขาจดใจในสิ่งที่เขาทำลงไป ท่านก็เลยให้โยมผู้นั้น คือเพื่อนของลุงกินแทนเองเสียเลย..
    Cr.sira pop
     

แชร์หน้านี้

Loading...