พระเครื่องราคาพิเศษ รับปีใหม่ 2569!!!!

77. รายการพิเศษครับ พระพุทโธน้อยปี 16 หลัง พุทโธ + พระชัยวัฒน์พุทโธน้อย เนื้อสำริดผิวไฟ ปี53 พิธีใหญ่ วัดอาวุธวิกสิตาราม ใต้ฐานอุดมวลสารที่คุณแม่อธิษฐานไว้ ให้บูชา 700 บาท (ได้รับพระ 2 องค์) ลูกค้าจองแล้วครับ

​

เนื้อผงพุทธคุณ ผสมผงพระพุทโธน้อยรุ่นแรกที่ชำรุด และผงที่เหลือจากการสร้างพระมงคลมหาลาภเมื่อปี2499
พระพุทโธน้อย รุ่น2 วัดสารนาถธรรมาราม อ.แกลง จ.ระยอง ปี2516 มวลสารพระพุทโธน้อยรุ่นแรกที่ชำรุด และผงที่เหลือจากการสร้างพระมงคลมหาลาภเมื่อปี2499 เกจิสายตะวันออก หลวงปู่ทิมร่วมปลุกเสกพระพุทโธน้อย รุ่น2วัดสารนาถฯ จัดสร้างในปี 2516 มี 2 พิมพ์ คือหลังยันต์พุทโธ กับหลังยันต์เ์ฑาะว์ครับ พุทธคุณไม่แพ้รุ่นแรกครับ ปลุกเสกและร่วมกันอธิษฐานจิต ทำพิธีในวันที่สร้างศาลาการเปรียญที่วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยอง ปี พ.ศ.2516 เมื่อเสร็จงานก็นำพระส่วนที่เหลือบรรจุกรุไว้ที่วัดสารนาถธรรมาราม ขนาดองค์พระกว้าง 2 ซ.ม. สูง 2.9 ซ.ม. พระสวย หายากแล้ว สภาพเดิมๆ มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองระยอง มาร่วมพิธีปลุกเสกด้วย
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ,
หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า,
หลวงพ่อบุญ วัดบ้านนา
หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ,
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
และพระเกจิอาจารย์สายธรรมยุต และ สายมหานิกาย ร่วมกันอธิษฐานจิต

​

พระชัยวัฒน์พุทโธน้อย พิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก ปี 53 วัดอาวุธวิกสิตาราม ฐานอุดผงและมวลสารศักดิ์สิทธิ์ของคุณแม่บุญเรือน
วัดอาวุธวิกสิตาราม ได้จัดงานมงคลยิ่งใหญ่ พิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก "เพื่อนำวัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้นเข้าพิธีปลุกเสกคือ พระกริ่งพุทโธใหญ่ พระพุทโธกลาง และพระชัยวัฒน์พุทโธน้อย โดยมี พระเทพภาวนาวิกรม หรือเจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพฯ เป็นเจ้าพิธีจักรพรรดิพุทธาภิเษก" ซึ่งจัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก ณ พระอุโบสถวัดอาวุธฯ ตามประวัติในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษกครั้งแรกได้กระทำพิธีในสมัยรัชกาลที่ 1 และได้มีการกระทำพิธีนี้อีกเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2515 ในสมัยรัชกาลที่ 9 หลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่ากระทำพิธีนี้อีกเลย พิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษกครั้งนี้เป็นครั้งที่3แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2553 ซึ่งเป็นวันดี ปีเสือ เดือนสิงห์ กระทิงวัน ซึ่งเป็นวันที่หลายๆ วัดมีการจัดสร้างและปลุกเสกวัตถุมงคล เพราะถือว่าเป็นวันแรงแห่งปีอีกวันหนึ่งไม่แพ้วันเสาร์ห้า 20 มีนาคม 2553 พร้อมกับพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร เป่ายันต์โสฬสมหามงคลโดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน, หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน, หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว, หลวงพ่อรวย วัดตะโก พร้อมด้วยพระสายกรรมฐานทั่วประเทศ อาทิ
หลวงปู่บุญหนา วัดป่าโสตถิผล จ.สกลนคร
หลวงปู่บุญพิน วัดผาเทพนิมิตร
หลวงปู่แปลง วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร
พระครูอุดมญาณโสภณ วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม จ.สกลนคร
หลวงพ่อวงศ์ สภาจาโร วัดป่าคำพระองค์ จ.หนองคาย
พระอาจารย์เฉลิม วัดป่าภูแปลก จ.เลย
พระอาจารย์วิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย เป็นต้น

 

78.พระกริ่งปวเรศน้อย เจ้าคุณทอง วัดปลดสัตว์ จ.อ่างทอง รุ่นถวายพระ ปี54 ปิดรายการครับ

​

 

79.พระขุนแผนเนื้อดิน รุ่นแรก(ลงกรุ) หลวงพ่อหวล วัดนิคมวชิราราม จ.เพชรบุรีศิษย์ก้นกุฏิของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ให้บูชา 650 บาท

​

จัดสร้างเมื่อปลายปี พ.ศ 2499 และได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่พุทธมนฑล พร้อมกับพระพุทธ 25 ศตวรรษ หลังจากนั้นหลวงพ่อหวล ได้นำมาเก็บไว้ที่วัด ปลุกเสกเดี่ยวเป็นเวลาหลายปี จนถึงปี 2510 หลวงพ่อหวลจึงได้นำบรรจุกรุไว้ใต้ฐานพระประธานภายในโบสถ์ของวัด ต่อมา ปี 2513 ได้มีพิธีเททองหล่อพระประธาน และได้มีพิธีมหาพุทธาภิเษกใหญ่ มีพระเกจิที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นร่วมพุทธาภิเษกด้วย อาทิเช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ หลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวง หลวงพ่อจ้วน วัดพระพุทธบาทเขาลูกช้าง เป็นต้น จำนวนพระขุนแผน รุ่นแรก ที่บรรจุกรุไว้ทั้งหมด 900 องค์ หลังจากนั้นประมาณปี 2545 หลวงพ่อหวล ได้เปิดกรุพระขุนแผน รุ่นแรก เพราะว่าในปีนั้นได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ น้ำได้ท่วมวัดและพระอุโบสถ หลวงพ่อหวล เกรงว่าพระเนื้อดินจะชำรุดเสียหายจึงได้นำขึ้นมาจากกรุได้ทั้งหมด 760 องค์ เก็บรักษาไว้ในหอสวดมนต์ ซึ่งต่อมาวัตถุมงคลของวัดนิคมวชิราราม ได้มีความนิยมอย่างแพร่หลาย หลวงพ่อจึงได้นำพระชุดนี้ออกมาให้เช่าบูชา ในปี 2552 วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนการศึกษา และร่วมสมทบทุนสร้างโรงเรียน พระราชวังไกลกังวล หัวหิน เป็นต้น

 

80.พระกริ่ง9ยอด ยอดที่ 9 พระกริ่งจาตุรงค์ วัดสุทัศน์เทพวราราม กทม พิธีมหาพุทธาภิเษกวันเพ็ญกลางเดือน12 ปี 2538 ให้บูชา 450 บาท

​

พิธีมหาพุทธาภิเษก วันเพ็ญกลางเดือน12 พ.ศ.2538 ณ.วัดสุทัศน์เทพวรารามตามวิชาสร้างพระกริ่งที่สืบทอดจากสมเด็จพระสังฆราช( แพ ติสสเถระ)
พระกริ่งหล่อลอยองค์เนื้อทองดอกบวบ(เนื้อสำริดแก่ทองคำ ) ด้านหลังตอกโค๊ต"สท" ทุกองค์ พุทธคุณ.เมตตา มหานิยม มหาโชค มหาลาภ คุ้มภัย พ้นจากโรคภัยทั้งมวล สภาพสวยกล่องเดิมทุกองค์
1.พระกริ่งฉลองสุพรรณบัฏ
2. พระกริ่งหน้าไทย
3. พระกริ่งหลักชัย
4. พระกริ่งเชียงตุง
5. พระกริ่งน้ำท่วม
6. พระกริ่งทองทิพย์
7. พระกริ่งวันรัต รุ่น๗๙
8. พระกริ่งหน้าอินเดีย
9. พระกริ่งจาตุรงค์

พระชุดนี้ไม่ควรพลาดเพราะเป็นพระดีพิธีมหาพุทธาภิเษกใหญ่ อีกทั้งเป็นเจ้าตำรับพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ต้องยกให้วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพมหานคร วัดสุทัศน์ฯ มีชื่อเสียงโด่งดังด้านการสร้างพระกริ่ง - พระชัยวัฒน์ และพระเครื่องประเภทหล่อโบราณทุกชนิด โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ปฐมบูรพาจารย์เป็นผู้ให้กำเนิดพระกริ่งสายวัดสุทัศน์ ฯ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา การสร้างพระกริ่งก็ได้รับการถ่ายทอดมาเป็นรุ่นๆโดยได้เรียนรู้ขั้นตอน พิธีกรรมต่าง ๆ จากการปฏิบัติจริง จนมาถึงยุคปัจจุบัน คือเจ้าคุณพระพิพัฒน์สังวรคุณ ลูกศิษย์มักจะเรียกกันว่า เจ้าคุณถนอม ซึ่งเป็นศิษย์เอกของเจ้าคุณพระศรีสัจจญาณเถระ หรือ เจ้าคุณศรีประหยัด เจ้าคุณศรีประหยัดนี้ ได้อยู่ทันเห็นพิธีกรรมการสร้างพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ในสมัยสมเด็จพระสังฆราช (แพ) และเจ้าคุณศรีสนธิ์ พระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งของวัดสุทัศน์ ฯ ที่มีชื่อเสียงในการสร้างพระกริ่งที่โด่งดังเช่นกัน เช่น พระกริ่งรุ่นน้ำท่วม ปี๒๔๘๕ และอีกหลายรุ่น และขณะนั้น เจ้าคุณศรีประหยัดได้สร้างเหรียญพระขาว เป็นรุ่นแรก และพระกริ่งรุ่นฟ้าลั่น เป็นต้น ท่านเจ้าคุณถนอม ก็ได้ช่วยงานท่านด้านการจัดพิธี ตระเตรียมมวลสารแร่ธาตุ และได้เรียนการสร้างพระกริ่งจากเจ้าคุณศรีประหยัดผู้เป็นอาจารย์มาเป็น ย่างดี จนมาถึง พุทธศักราช ๒๕๒๑ เจ้าคุณถนอม ก็สร้างพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ รุ่น “มหายันต์” เป็นรุ่นแรก ปัจจุบันก็หายากแล้ว มาสิ้นสุดในปี ๒๕๔๐ พระกริ่ง หรือพระเครื่อง จะหล่อและปลุกเสกที่วัดสุทัศน์ ฯ ในคืนวันเพ็ญกลางเดือนสิบสองของทุก ๆ ปี โดยทำพิธีพุทธาภิเษกตลอดทั้งคืน มีพระพิธีธรรมจตุวรรคสวด จตุรเวทภาณวาร ทิพย์มนต์ และคาถามหาพุทธาภิเษก และในระหว่างที่พระพิธีธรรมสาธยายมนต์ ก็มีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ๆ หลายสิบรูป มานั่งปรกอธิฐานจิตเพื่อเพิมความเข็มขลังให้มากยิ่งขึ้น

 

81.พระผงพิมพ์พระปิดตามหาลาภ มวลสารว่าน108 + จีวร + คำข้าว
หลวงปู่แผ้ว ปวโร ให้บูชา 450 บาท

​

 

82.เหรียญผานไถ หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย จ.ปทุมธานี ปี 2551 ให้บูชา 450 บาท หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ ร่วมปลุกเสก

​

โดยหลวงพ่อทองกลึง ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค, หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชวรวิหาร, หลวงปู่บุตร วัดบางเดื่อ, หลวงปู่รอด วัดเกริน, หลวงพ่อสาลี่ วัดสองพี่น้อง, หลวงปู่เส็ง วัดบางนา เป็นต้น วัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างน่าบูชาเป็นอย่างมาก
“ผานไถ” ถือเป็นเครื่องรางของขลังอีกชิ้นหนึ่งที่มีการสร้างขึ้นมาแต่ครั้งโบราณกาล มีอิทธิคุณเด่นมากมายยิ่งนัก ในเรื่องโชคลาภโภคทรัพย์ แม้กระทั่งผานไถที่มีการใช้งานจริง เมื่อมีการปลดระวาง ชาวบ้านต่างนำมาเก็บไว้บูชาเพื่อให้มีโชคลาภวาสนา โดยในปัจจุบันมีผู้สร้าง “ผานไถ” แล้วมีประสบการณ์ มีชื่อเสียงจนเป็นที่เลื่องลือกันอย่างกว้างขวางมีเพียง 2 รูป นั่นก็คือ หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ และหลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย นั่นเอง
เหรียญผานไถรุ่นนี้หลวงพ่อทองกลึงท่านสร้างขึ้นโดยรวบรวมมวลสารผานไถเก่าจำนวนมาก แผ่นยันต์เกจิคณาจารย์ต่างๆ ที่เน้นเรื่องโชคลาภโภคทรัพย์มากมาย รวมถึงมีพระคณาจารย์ร่วมอธิษฐานจิตผานไถรุ่นนี้นับร้อยรูป พิธีเททองและอธิษฐานจิต มีพระเกจิคณาจารย์ 2 รูป เป็นประธาน ซึ่งนั่นก็คือ หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ และหลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย ซึ่งทั้งสองรูปนี้ต่างก็เชี่ยวชาญในวิชา และการสร้างผานไถ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ผานไถรุ่นนี้จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

 

พระดีที่น่าบูชา : พระผงยอดขุนพล (พิเศษ) เนื้อผงพระของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 1 หลังฝังพระกรุ พิมพ์พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า จ.พิจิตร วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ทันหลวงป๋าปลุกเสก สร้าง 36 องค์ (ใช้พระผงวัดปากน้ำรุ่น1ล้วน ที่ชำรุดมาทำพระ เกศาหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ)

เกศายาวขึ้นๆ เรื่อยๆ จากที่ได้มาเมื่อหลายปีก่อน

​

 

83.สมเด็จเจริญลาภหลวงปู่คำพันธ์ พิมพเล็ก ปี 34 ให้บูชา 350 บาท

​

​

มวลสารหลักๆคือ
ชานหมาก
เกศาหลวงปู่คำพันธ์
ผงอิฐพระธาตุพนม
ผงธูปบูชาพระแก้วมรกต
สมเด็จโต
ผงเกสรดอกไม้
ผงว่านสาวหลง กาหลง
ว่านเสน่ห์จันทร์หอม-จันทร์ขาว
ไม้จันทร์หอม ผงปถมัง
แผ่นทองนะ 108
เข้าพิธีพุทธาภิเษกวันที่25 พฤษภาคม ปี 2534 โดยหลวงปู่คำพันและพระเกจิทั่วภาคอีสาน

 

84.พระปิดตาไจยะเบงชร เนื้อทองจังโก้ หลวงปู่ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่ เนื้อทองจังโก้ สร้างแค่ 1,000 องค์ ให้บูชา ราคาพิเศษ 1950 บาท

​

วัตถุมงคลรุ่นไจยะเบงชร เป็นวัตถุมงคลรุ่นหลักของหลวงปู่ครูบาอิน ซึ่งสร้างในโอกาสอายุครบ 100 ปี มีพิธีใหญ่ปลุกเสกโดยเกจิมากมาย และหลวงปู่ครูบาอินเสกให้อย่างเต็มที่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
วัตถุมงคลรุ่นไจยะเบงชร
วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
๑. เพื่อเป็นการอนุรักษ์ สืบทอด เผยแผ่ประวัติความเป็นมาและอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ แห่งอักขระมหายันต์ และพระมหาคาถาไจยะเบงชร (ชินบัญชรล้านนา) ให้ปรากฏเกียรติคุณและศักดิ์ศรีความเป็นอันดับหนึ่งที่แรกสุดของประเทศไทย ภายหน้ามิให้ถูกปกปิด หรือเลือนหายไปจากความรู้สึกนึกคิดของสาธารณชนอย่างที่เคยเป็นมาตลอดไป
๒. เพื่อเป็นจุลอุทเทสิกเจดีย์ สืบต่ออายุพระพุทธศาสนา ตามคติโบราณนิยม
๓. เพื่อเป็นมหามงคลอนุสรณ์ เจริญอายุวัฒน์หนึ่งศตวรรษ (๑๐๐ ปี) ของหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท
๔. เพื่อสมทบทุนสร้างพระพุทธปฏิมากร กุฏิ เสนาสนะสงฆ์และถาวรวัตถุ วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) กิ่ง อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ สถานที่จำพรรษาของหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท
๕. เพื่อสาธารณกุศลต่างๆ

มวลสารสำคัญ
ด้วยเดชะบุญญาบารมีแห่งพระพุทธปริตรคาถา “ไจยะเบงชร” (ชินบัญชรล้านนา) ต้นตำหรับแรกสุดแห่งสยามประเทศ ซึ่งทรงกฤษฎาภินิหารอย่างยิ่งยวดและทรงคุณค่าอย่างพิเศษสุด ในอันที่จะได้สำเร็จเป็นพุทธานุสารณียวัตถุ ที่พึ่งพากราบไหว้สาสักการะแห่งมวลหมู่พุทธศาสนิกชนทั่วทั้งแผ่นดินไปสืบชั่วกัลปาวสาน นอกจากนี้ยังมีการจารอักขระมหายันต์ “ไจยะเบงชร” ทั้งแบบย่อและแบบพิสดาร

ทองพระธาตุจังโก๋ นักษัตร เป็นชนวนโลหะพิเศษที่นับได้ว่ามีความสำคัญและความเป็นมหาศิริมงคลอย่างยิ่งยวดยากจะหาใดเสมอเหมือนได้ “ทองจังโก๋ นักษัตร” เป็นแผ่นโลหะสำหรับหุ้มพระธาตุเจดีย์ทางภาคเหนือ ที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งลานนาไทย ซึ่งนับเป็นมหาบูรพาจารย์ ผู้สืบทอดใน “ไจยะเบงชร” หรือชินบัญชรล้านนา ต้นตำหรับล้านนาโบราณองค์สำคัญที่สุดองค์หนึ่ง ที่น้อยคนนักจักล่วงรู้ ได้ลงมือจำหลัก (จาร) อักขระเป็น “ตั๋วเมือง” พร้อมอธิษฐานจิตไว้ด้วยองค์เอง ณ. วัดบ้านปาง จังหวัดลำพูน เมื่อครั้งที่ท่านยังดำรงขันธ์อยู่เมื่อกว่า ๖ ทศวรรษที่แล้ว มวลสารนี้ร่วมเททองในการสร้างพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ และวัตถุมงคลเนื้อทองจังโก๋ ชุด “ไจยะเบงชร” ทุกรายการโดยได้รับการอนุเคราะห์จาก หนานขวัญ วิชยุทธ พุทธิรินโน ศิษย์ครูบาคำปัน วัดหม้อคำตวง จังหวัดเชียงใหม่ สายครูบาเจ้าศรีวิชัย กรุณามอบให้ ซึ่งนับเป็นมหาสิริมงคล แก่จิตใจแห่งศรัทธาของผู้ได้ไว้สักการะบูชากราบไหว้อย่างไม่มีที่เปรียบได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังมีอักขระเลขยันต์แบบล้านนา ๑๐๘ พร้อมดวงประสูติ ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ทองคำแท่งหนัก ๒๐ บาท สำหรับหล่อพระกริ่งเนื้อนวะโลหะพิเศษ (แก่ทอง) ชนวนเหรียญเก่า พระกริ่งแหวน และโลหะมงคลอื่นๆ อีกหลายรายการ

พิธีพุทธาภิเศก

วัตถุมงคลรุ่นไจยะเบงชร ผ่านการปลุกเสก ๕ ครั้ง ดังต่อไปนี้
ครั้งที่ ๑: วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ เวลา ๙:๓๙ น. - ในพิธีอธิษฐานจิตเทชนวนพระกริ่ง

ครั้งที่ ๒: วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ - ในวันประกอบพิธีเททองหล่อพระกริ่งและพระชัยวัฒน์

(ในงานวันนี้มีการแจกพระสมเด็จไจยะเบงชร)

ครั้งที่ ๓: วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ - หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโทอธิษฐานจิตเดี่ยว

เป็นวันเสาร์ ๕ ใหญ่ เป็นเวลา ๑ ชั่วโมงเต็ม

รายการพิเศษ: พระรอดหลวง (สีดำ) ไจยะเบงชร ทางนิตยสารพุทธคุณโดยคุณเนาว์ นรญาณ

จัดทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อมอบแก่สมาชิกและผู้ซื้อนิตยสารพุทธคุณ

อธิษฐานจิตเดี่ยวโดยหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ สองครั้ง

โดยครั้งแรก ตั้งแต่เวลา ๑๑.๓๙ - ๑๓.๔๕ น. และครั้งที่สองระหว่างเวลา ๑๗.๑๙ - ๑๘.๔๕ น.

ครั้งที่ ๔: วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ - อธิษฐานจิตในพิธีสืบชะตาหลวงมหามงคล ฉลองยุตม์หนึ่งศตวรรษ

(ในงานวันนี้มีการแจกพระปิดตา และ พระหลวงพ่อเงินเนื้อไม้พยุง และ พระผงฤาษีวาสุเทพ))

ครั้งที่ ๕: วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ - อธิษฐานจิตเดี่ยวครั้งสุดท้าย วันมาฆปุณณมีบูชา

 

85.พระผงสองหน้า ด้านหน้า หลวงตาดำครูในดง ด้านหลัง หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ปี 2561 ให้บูชาองค์ละ 400 บาท / มี 2 องค์

​

ในปี พ.ศ.2561นี้ มีมวลสารสำคัญๆ ดังนี้
1.ฝังเหล็กไหลทองปลาไหล ที่ท่าน
อ.พรหมเมฆ เมฆฉาย ไปอัญเชิญมาตามถ้ำต่างๆ
2.สะไบหลวงตาดำในโบสถ์ วัดประสาท
3.สะไบพระประธานในโบสถ์วัดประสาท
4.ผงสมเด็จกรุวัดลาดบัวขาวที่แตกหักชำรุด
5.ผงสมเด็จของหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว
6.ผงวิเศษอื่นอีกมากมายไม่ต่ำกว่า 100 ชนิด
พระผงนี้ทำพิธีปลุกเสกตามสายวิชาในดง
ได้ผ่านพิธีปลุกเสกแล้ว เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2561
ณ วัดประสาทฯ กระทำ พิธีอาราธนาครูบอาจารย์สายในดงลงมาร่วมพิธีปลุกเสกโดยทิพยจิต
คือทำพิธีการตามหลักวิชาในดง ที่พระอาจารย์ชาญณรงค์ เคยถ่ายทอดไว้ให้ครับ ทำพิธีเชิญทิพยจิตหลวงตาดำ ท่านเจ้า หลวงปู่พลอย และ
ท่านพระอาจารย์ชาญณรงค์ มาทำการปลุกเสกพระผงพิมพ์ 2 หน้า ด้านหนึ่งเป็นรูปหลวงตาดำ
และอีกด้านเป็นรูปหลวงพ่อชาญณรงค์
....โดยได้มีพระเกจิลูกศิษย์สายในดงมาร่วมปลุกเสกด้วย อาทิ หลวงพ่อพระครูภิรมณ์ วัดประสาท
ระหว่างพิธีปลุก ท่านพระครูภิรมณ์
รองเจ้าอาวาสวัดประสาท (ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อจำปา วัดประดู่) ได้ให้เกียรติมาเข้าร่วมพิธีปลุกเสก
ท่านเล่าว่าระหว่างพิธีปลุกเสกเกิดเหตุการณ์ พระอาทิตย์ทรงกลดด้วย ส่วนพระภิกษุอีกองค์ข้างๆผู้เขียนเป็น เจ้าอาวาสวัดหนึ่งในจังหวัดเชียงรายได้บินตรงมาช่วยเสกพระให้ด้วย

หลวงพ่อพระครูภิรมณ์ รองเจ้าอาวาสวัดประสาท ตลิ่งชัน ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจำปา วัดประดู่ คลองบางพรหม โดยหลวงพ่อจำปา วัดประดู่เป็น ศิษย์ของหลวงปู่พลอย อดีตเจ้าอาวาสวัดประสาท ในวัน ที่ 8 เม.ย. 61นี้คณะผู้สร้างได้นิมนต์ให้หลวงพ่อพระครูภิรมณ์ โดยหลวงพ่อได้มาช่วยเดินมนต์ปลุกเสกพระผงด้วยบทพระคาถาจินดามณี ที่มีการร่ำเรียนสืบต่อมาจากหลวงปู่พลอยด้วย ทั้งก่อนพิธีปลุกเสกท่านยังได้เป็นผู้มาช่วยโยงสายสินธ์จากรูปหล่อหลวงตาดำ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานปลุกเสกพระผงในวันที่.8 เม.ย.61ให้ด้วยตนเอง เรียกได้ว่าสุดยอดครับเจตนาขลังถึงแรงครูในดง รับรองกันได้ว่าบรมครูในดงมาร่วมพิธีเสกทางทิพยจิตกันแน่นอน
...ในพิธีวันที่ 8 เมษายน 2561 นั้น มีการอารธนา หลวงตาดำ ท่านเจ้า หลวงปู่พลอย พระอาจารย์ชาญณรงค์และครูบาอาจารย์ในดงมาทำการปลุกเสกพระผงดังกล่าว ตามตำหรับพิธีที่ท่านพระอาจารย์ชาญณรงค์เคยสอนไว้ทุกประการ จึงมั่นใจได้ว่าครูบาอาจารย์ในดงท่านจะต้องรับรู้และมาร่วมปลุกเสกพระผงรุ่นนี้ให้อย่างมากมายเฉกเช่นที่ท่านเคยมาช่วยเสก เหรียญพระอาจารย์ชาญณรงค์ รุ่นศิษย์สร้างบูชาครู 2559

 

จองครับ

 

รับทราบครับ ขอบคุณมากครับ

 

86.พระเกจิผู้สำเร็จวิธีผงอิธิเจ เก่งจน หลวงพ่อสด วัดปากน้ำต้องขอผงนำไปใช้ผสมพระผงของขวัญ พระสมเด็จ หลวงพ่อผึ่ง วัดสว่างอารมณ์ราษฎร์ ให้บูชา 450 บาท

​

ในการสร้าง พระสมเด็จ หลวงพ่อผึ่ง ใช้สายสิญจน์ 108 เส้น วงรอบบริเวณที่จะพิมพ์พระเป็นวงกลม ผู้ที่จะพิมพ์พระต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาด ต้องล้างมือล้างเท้าก่อนเข้าไปในวงสายสิญจน์ เวลาพิมพ์พระต้องทำใจให้บริสุทธิ์ ห้ามพูดห้ามคุยกัน กว่าจะได้พระจำนวน 84,000 องค์ ต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เสร็จแล้วเอาเข้าอุโบสถในที่ชุมนุมสงฆ์ สวดเช้า - เย็น กลางคืน อีกเป็นเวลา 3 เดือน เสร็จแล้วท่านเอามาปลุกเสกเดี่ยวในกุฏิของท่านตั้งแต่เวลา 21.00 น. จนถึงเวลา 24.00 น. ทุกๆ คืนจนครบไตรมาส บางทีก็ปลุกเสกคู่กับ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
หลังจากพิธีกรรมปลุกเสกเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อผึ่ง ก็นำเอาพระเหล่านั้นแจกศิษยานุศิษย์ ใครไปหาท่านๆ ก็มอบให้คนละหนึ่งองค์ โดยไม่มีผลตอบแทนแต่ประการใด เป็นการเผยแพร่พุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรอีกนานเท่านาน
ท่านแจกให้คนละหนึ่งองค์จริงๆ ใครจะขอเอาไปฝากเพื่อนฝูง หรือญาติพี่น้อง ท่านจะไม่ยอมให้เป็นอันขาด ท่านบอกว่า ขอให้เขามารับเองด้วยใจศรัทธาจะเกิดความขลังมากกว่าการเอาไปฝากกัน ถือว่าเป็นการขาดศรัทธา
เมื่อท่านแจกให้ท่านจะพูดว่า “ให้เก็บรักษาให้ดี ต่อไปจะหายาก”

หลวงพ่อผึ่ง มีอายุสูงกว่า หลวงพ่อสด 1 ปี อุปสมบทก่อนหลวงพ่อสด 1 พรรษา อยู่กุฏิเดียวกัน ไปศึกษาหาความรู้ทางวิปัสสนากรรมฐานด้วยกัน อาจารย์เดียวกัน ทำผงวิเศษก็ทำด้วยกัน เมื่อตอนอยู่ร่วมกัน หลวงพ่อสดมาจำพรรษาอยู่ธนบุรี ส่วนหลวงพ่อผึ่งอยู่บ้านนอก อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง เป็นการรักถิ่นฐานอันเป็นภูมิกำเนิดของหลวงพ่อผึ่ง ทั้งหลวงพ่อผึ่งและหลวงพ่อสดต่างมุ่งในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป

หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด มีจิตปรารถนาที่จะสร้างพระเครื่องไว้ในบวรพุทธศาสนา เพื่อเป็นการเผยแพร่พุทธธรรม พุทธสักการะ เพื่อบูชาหรือเพื่อสืบพระศาสนา จึงดำริสร้างผงวิเศษเก็บสะสมไว้โดยมิได้ว่างเว้น แสดงให้เห็นถึงปณิธานอันแน่วแน่ของท่านทั้งสอง ผงที่ทำนั้นคือ ผงอิทธิเจ ปถมัง ปิโย และมหาราช ในการทำผงวิเศษมิใช่ทำขึ้นได้ง่ายๆ จะต้องใช้เวลาไม่น้อย กว่าจะได้ผลวิเศษตามความต้องการ

ผู้เขียนไม่มีความรู้ในทางนี้ จึงไปนมัสการเรียนถาม ท่านเจ้าคุณสุวรรณโมลี ขณะนั้นเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะท่านเป็นลูกบ้านอำเภอสองพี่น้อง ทั้งเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด ที่วัดสองพี่น้องด้วย พอทราบการทำผงวิเศษของหลวงพ่อผึ่งและหลวงพ่อสด อยู่บ้างพอสมควร

ท่านเจ้าคุณฯเล่าถึงการทำผงวิเศษ “ ปิโย ” ซึ่งแปลว่า “ รัก ” เอาชอล์กมาเขียนอักษรของ “ ปิ ” ลงบนกระดานดำ อันหมายถึงคำว่า “ ปิโย ” โดยเขียนแล้วลบๆๆๆๆ โดยมิได้หยุด ดังนี้
ปิโย เทวมนุสสานัง ปิโยมะมะ
ปิโย พรหมฺมนุสตมัง ปิโยมะมะ
ปิโย พรหมฺมนุสตมัง ปุสิสะวาจัง ปิโยมะมะ
ปิโย มาคะสุปันฺนานัง เสนาวาจัง ปิยังมะมะ
ปิยินทรียัง นมามิหัง ปิยังมะมะ ฯลฯ


เท่าที่กล่าวมาข้างบนนั้น เป็นเพียงกล่าวโดยย่อยังไม่หมด เมื่อจะทำ ผงอิทธิเจ ปถมัง หรือ มหาราช ก็ต้องท่องบทสวด อิทธิเจ ปถมัง มหาราช เช่นเดียวกัน
ท่านเจ้าคุณเล่าว่า เมื่อท่านเป็นเด็ก เห็นหลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด ใช้ดินสอพองเขียนบนกระดานดำ (ไม่ใช่ชอล์ก) จะทำผงชนิดไหนก็เขียนตัวอักขระขอมลงไป แล้วเขียนซ้ำรอยเดิม พร้อมกับท่องคาถากำกับไปด้วย เขียนไปลบไป ท่องคาถาไปจนครบ นโมพุทธายะ
ถ้าเป็นผง “ ปิโย ” ก็จะอธิษฐานว่า “ ปิคงกระพัน ปิเมตตา ปิสิเน่หา ปิมหาอุด ” ลบเรื่อยไป แล้วสร้างยันต์องค์พระ

ชั้นล่างของยันต์องค์พระเรียกว่า “ ตรีนิ ” ท่อนที่สอง “ อัครนิ ” ท่อนที่สาม “ ชาตานิ ” ส่วนยอดขององค์พระ คือ อุณาโลม ยนฺฌายเต นโมพุทธายะสัทโนพุทโธ ฯลฯ
ท่านเจ้าคุณเล่าต่อไปว่า ตอนที่ท่านเป็นเด็กเห็น หลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด เดินเก็บเกสรดอกไม้ทุกๆ วัน นำเอามารวบรวมเก็บไว้เพื่อป่นให้ละเอียดผสมวิเศษของท่าน โดยเฉพาะ หลวงพ่อสด เก่งผงมหาราช
หลวงพ่อผึ่ง สร้างพระเครื่องก่อนหลวงพ่อสดหลายสิบปี ต่างก็เอาผงที่ทำมาผสมปนเปกันเพื่อให้เกิดความขลัง หลวงพ่อผึ่ง สร้างพระก่อนก็เอาของหลวงพ่อสดมาก่อน พอหลวงพ่อสดสร้างพระวัดปากน้ำก็มาเอาผงวิเศษของหลวงพ่อผึ่งไปผสมด้วยเช่นกัน

ชาวตลาดบางลี่ จ.สุพรรณบุรี เล่าให้ฟังว่า ในขณะที่ หลวงพ่อผึ่ง จำพรรษาอยู่ที่ วัดสองพี่น้อง หลวงพ่อสดเดินทางมาจากวัดปากน้ำ เพื่อมาเยี่ยมหลวงพ่อผึ่ง ขณะนั้นหลวงพ่อสดยังเป็นพระธรรมดา ยังหาได้มีชื่อเสียงแต่ประการใดไม่ เมื่อทั้งสองพบกัน ทำการทดสอบความรู้ทางวิปัสสนากรรมฐานที่ได้เล่าเรียนมาว่า ยังมีความขลังดีอยู่หรือ ไม่ใช่เป็นการอวดอุตริมนุษยธรรม
ท่านให้ลูกศิษย์วัดนำเอาถ้วย 2 ใบรินน้ำชาใส่ลงไปในถ้วย แล้วหลวงพ่อผึ่ง หลวงพ่อสด นั่งสมาธิอยู่ด้านหน้าถ้วยทั้ง 2 ใบ

หลวงพ่อทั้งสองนั่งนิ่งเพ่งถ้วยน้ำชา พร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย ชั่วพักเดียวต่างก็ลืมตาขึ้น บอกให้พระ-เณรซึ่งนั่งดูพิธีกรรรมอยู่โดยรอบ ลองดื่มน้ำชาในถ้วยดูซิว่าเป็นอย่างไร ปรากฏว่า ถ้วยของหลวงพ่อสดเปลี่ยนเป็นน้ำธรรมดา ไม่มีรสชาติแต่ประการใด ส่วนถ้วยของหลวงพ่อผึ่งนั้น กลายเป็นเหล้าโรงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ดูอยู่รอบๆ ต่างแปลกใจไปตามๆ กัน ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นได้

 

87.พระศรีสัตตนาค รุ่นสมปรารถนา 108 ก้นครกรวมมวลสารตะกรุดสามดอก หลวงปู่โสภา ชุตินฺธโร วัดบูรพาภิรมย์ ปี 2553 ให้บูชา 600 บาท

​

พระเครื่องทั้งหมดมีมวลสารเข้มข้น และเป็นมวลสารที่หาได้ยาก กดพิมพ์โดย พระสงฆ์ผู้ทรงศีลภายในวัดตามแบบพิธีกรรมแต่โบราณ
พระศรีสัตตนาค หลวงปู่โสภา วัดบูรพาภิรมย์ จ.สกลนคร
ที่มาของพระศรีสัตตนาค พระศรีสัตตนาค รุ่นแรก มีการจัดสร้างในปี พ.ศ. 2547 หรือ ปีที่เกิดสึนามิในประเทศไทย โดยก่อนหน้านั้น ในคืนหนึ่งมีบุรุษ 3 คนได้มากราบนมัสการหลวงปู่โสภาที่วัดบูรพาภิรมณ์ จ.สกลนคร เมื่อหลวงปู่มองพิจารณาแล้วก็ทราบว่า ทั้งสามคนนี้เป็นอมนุษย์ ไม่ใช่คนธรรมดา จึงสอบถามว่า “ พวกท่านเป็นใคร และต้องการสิ่งใดจึงมาหาอาตมา “ ตัวแทนของกลุ่มได้ตอบว่า “ พวกข้าพเจ้าทั้งสามเป็นพญานาคราช ผู้ดูแลความเป็นไปของแผ่นดินและผืนน้ำของโลกนี้ ได้รับหน้าที่มาอารักขาและประสานงานกับพระคุณเจ้า เกี่ยวกับงานการเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ... ตัวข้าพเจ้าเป็นพี่ใหญ่ นามว่า พญา....(ยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย ชื่อของท่านนำมาเขียนหรือเรียกกันเล่นๆไม่ได้ครับ ) ดูแลโลกนี้มาตั้งแต่สมัยกำเนิดโลก ... ตนที่สอง นามว่า พญาศรีสัตตนาคราช รับหน้าที่ดูแลโลกนี้และรักษาพระพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าพระองค์แรก สมเด็จองค์ปฐม เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ... ตนที่สาม นามว่าพญาศรีสุทโธนาคราช มีหน้าที่ดูแลโลกในอนาคตกาล หลังจากยุคพระศรีอริยเมตตรัยมาตรัสรู้ในโลกนี้
“ พญานาคราชทั้งสามองค์ได้ผลัดกันแวะเวียนมาหาหลวงปู่โสภาอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งมาในร่างมนุษย์ บางครั้งมาในร่างของนาคราช ในปี 2547 พญานาคราชทั้งสามได้บอกว่า เวลาใกล้เข้ามามากแล้ว ขอให้หลวงปู่โสภาสร้างพระปางนาคปรกสามเศียร โดยแต่ละเศียรเป็นสัญลักษณ์แทนพวกท่านหนึ่งตน พวกท่านจะกำหนดให้บริวารเหล่าพญานาคเข้าสถิตรักษาในองค์พระเหล่านี้ เพื่อคอยดูแลช่วยเหลือผู้มีศีลมีธรรมในยามเกิดภัยพิบัติธรรมชาติต่างๆ
หลวงปู่โสภาจึงได้ดำริให้ลูกศิษย์ดำเนินงานตามคำแนะนำของพญานาคราชทั้งสาม จัดสร้างพระเนื้อว่าน+ผงศักดิ์สิทธิ์ ฝังพลอยน้ำงาม ได้ประมาณ 3,000 องค์ ถวายพระนามว่า " พระศรีสัตตนาค "
แจกฟรี โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ แต่กำหนดให้ต้องไปรับด้วยตนเองที่วัด และถือสัตย์รับได้เพียงคนละองค์เท่านั้น เพื่อให้กระจายได้ทั่วถึง ชั่วเวลาไม่นานพระทั้ง 3,000 องค์ ได้หมดไปอย่างรวดเร็ว และปลายปี 2547 ได้เกิดภัยพิบัติสึนามิขึ้นในภาคใต้ของไทย โดยในคืนนั้นพญานาคราชทั้งสามได้แวะมากราบเรียนหลวงปู่โสภาล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ผู้ที่ได้ พระศรีสัตตนาค รุ่นแรก ไปบูชาล้วนได้พบเรื่องราวดีๆแตกต่างกันไป บ้างมีจิตสัมผัสเห็นองค์พญานาคที่สถิตในพระ และอื่นๆ ทางภาคใต้มีคนนำไปให้ลูกแขวนคอ วันหนึ่งเด็กไปพบลูกระเบิดตกอยู่ ด้วยความไร้เดียงสาจึงเอาไปแกะเล่น เกิดระเบิดขึ้นมาแต่อัศจรรย์ที่เด็กไม่เป็นอันตรายใดๆ คนที่ทราบข่าวจึงตามเช่าหาพระศรีสัตตนาค รุ่นแรก ปัจจุบันตอนนี้ราคาสูงขึ้นมาเรื่อยๆจนเป็นหลักหมื่นกว่า ถึงสองหมื่นบาท แต่ก็หาได้ยากเพราะพระรุ่นนี้หลวงปู่กำหนดให้ครอบครองได้เพียงคนละองค์ ผู้ที่มีส่วนใหญ่ต่างก็หวงแหนไม่ปล่อยออกห่างตัว

ผ่านมาเกือบ 7 ปี ในปี 2553 พระอาจารย์เพชร เจ้าอาวาสวัดบูรพาภิรมณ์ องค์ปัจจุบัน จึงได้ขออนุญาติหลวงปู่โสภาจัดสร้างพระศรีสัตตนาค รุ่นสมปรารถนา ๑๐๘ เพื่อให้ผู้ศรัทธาที่พลาดโอกาสครอบครองพระศรีสัตตนาครุ่นแรก ได้สมปรารถนาและมีของดีคุ้มครองตัว พระทั้งหมดใช้มวลสารที่หาได้ยากซึ่งพระอาจารย์เพชรได้รับจากหลวงปู่ประเคน จ.ปัตตานี สมัยก่อนหลวงปู่ประเคนเป็นแรงสำคัญในการช่วยจัดหามวลสารสร้างพระหลวงปู่ทวด ปี2497 ที่โด่งดัง รวมกับมวลสารธาตุทนสิทธิ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่น ภูเขาควาย ซึ่งหลวงปู่ประเคนประเคนจะไปธุดงค์เป็นประจำ และ มวลสารต่างๆที่หลวงปู่โสภามีเก็บไว้ รวมเป็นพันชนิด ได้นำมาจัดสร้างในพระศรีสัตตนาค รุ่นสมปรารถนา ๑๐๘ ครั้งนี้
ทางวัดจัดสร้างและกดพิมพ์พระกันเองโดยพระสงฆ์ภายในวัด ด้านมวลสารจึงเข้มข้น และเข้มขลังทุกขั้นตอน หลวงปู่โสภาเมตตาอธิษฐานจิตตลอดพรรษาสามเดือนเต็ม โดยพญานาคราชทั้งสามได้มาร่วมสร้างและขอให้ช่วยสร้างประธานขนาดหน้าตัก 2 เมตร สูง 3.7 เมตรไว้ที่วัด รายได้จากการจัดสร้างพระศรีสัตตนาค รุ่นสมปรารถนา ๑๐๘ ครั้งนี้ นำไปสร้างศาลาปฎิบัติธรรมหลังใหม่ของวัดบูรพาภิรมณ์ซึ่งสร้างแทนหลังเดิมที่ชำรุดมากจนไม่ปลอดภัยในการใช้งาน และสร้างพระศรีสัตตนาค ขนาดหน้าตัก 2 เมตร สูง 3.7 เมตร สร้างด้วยหินหยก เพื่อเป็นพระประธานในวัดบูรพาภิรมณ์
.....พระศรีสัตตนาค รุ่นสมปรารถนา ๑๐๘