สภาวะของร่างกาย ที่เห็นได้เมื่อจิตเป็นสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปุณบพิธ, 30 พฤษภาคม 2012.

  1. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    คงหมายถึง นามรุปปริจเฉทญาน ถ้าถึงขั้นนี้กำลังใจสูง อะไรคงรักษาได้หมด แต่สำคัญว่าจะแยกจากกันได้ขาดจริงๆหรือเปล่าเท่านั้นแหละ เวลาที่คนเราไม่สบายมากแล้วเอาจิตปักเพื่อรู้ตามอาการนั้นๆ ก้เปนการวัดสภาวะจิตของผู้ปฏิบัตินั้นเหมือนกัน สะสมสติให้มากเข้าเรื่อยๆจนถึงลิมิตมัน โรคร้ายที่พอจะหายมันก้หายได้ หลวงตาบัวสิริปุณโณ บอกไว้เสมอว่า สติคำเดียว นี่หยุดโลกได้ (ผมก้ตีความต่อไปว่าก้หยุดโรคนี้ได้เหมือนกัน)

    อะไรที่เข้ามาในชีวิตเราเกือบทัง้หมด เปนธรรมะทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเราไม่ค่อยมีอุปกรณ์เจ๋งๆไว้จัดการเรื่องที่เข้ามามากมายเหล่านี้ เมื่อไรที่เราอยากเอาชนะข้าศึกโดยลงทุนกับความลำบากคือความทุกข์(ใจ) เราถึงจะเข้าใจทุกข์เหนเหตุและย้อนกลับมาเหนธรรมะในใจด้วย
    ไม่งั้นก้คงได้แต่เพียงพลังจิตอย่างเดียว
    ปรมัตถธรรมเปนสิ่งที่เฉียดความตายไปนิดเดียว
    ถ้าจะเข้าถึงต้องเอาชนะความกลัวตายให้ได้ก่อน


     
  2. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ขอขอบคุณทุกๆความรู้และความเห็นที่แนะนำให้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับ markdee มันเป็นครั้งแรกค่ะ ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้ว สติตามไม่ทันสภาวะต่างๆจริงๆ
     
  3. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ขอบคุณคะ โมทนาสาธุในธรรมทานคะ
     
  4. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,135
    อนุโมทนา สาธุๆๆ ครับ ปฏิบัติดีแล้วครับ เห็นสภาวะละเอียดกว่าที่ผมเห็นอีกน่ะ...
    อย่าลืมกำหนดรู้ มองให้เป็นไตรลักษณ์ แล้วก็มองในชั้นจิตให้เห็นถึงอารมณ์ด้วยนะครับ :cool:
     
  5. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    ดูไตรลักษณ์นะก็ต้องรู้ว่า อนัตตาก็เปรียบเหมือนขี้เถ้า มันดับเชื้อไปหมดเเล้วรึยัง ก็ต้องดูว่า

    มันยังมีเชื้ออยู่เปล่า ถ้ามีมันคงมีอ่อนๆก็พอดูได้ เเต่ถ้าจะบอกว่ามันดับ สนิท เลย ก็จะนึกว่ามันหายไป ไม่ลองไปเขี่ยดูว่าติดไฟมั้ย เราก็จะประมาทเห็นเป็นขี้เถ้านึกว่ามันดับไป
    ก็อย่าประมาทขี้เถ้านี้ละกันนะ พอมันโดนเชื้อเมื่อไรเมื่อไรมันก็จะกลับมาติดไฟเหมือนเดิม
     
  6. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,135
    งง ครับ รบกวนขยายความด้วยครับ ว่าเกี่ยวกับสภาวะในร่างกายยังไงครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,047
    สมมุติถ้าเราทำได้..พอวิ่งไปดูจุดที่เป็นโรค จุดนั้นจะระเบิดเป็นสีขาวเสียงดังกึกก้องกัมปนาท.นี่เป็นเราๆนะ...แต่ครูบาร์อาจารย์ท่านเห็นละเอียดกว่า..ทำได้ง่ายกว่า.แต่ท่านจะแค่ดูเฉยๆไม่รักษาด้วยกำลังสมาธิ..แต่จะมาทานยารักษาเอง นี่หละมั่งความแตกต่างเรื่องการตัดร่างกาย ระหว่างเรากับพระอริยะ..(คิดเองนะ)
     
  8. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    มันคือเกียวทั่ง สภาพร่างกาย รวมถึงสภาะชีวิต ของ มนุษย์โลก ผู้ที่อาศัยทุกขัง เป็นบ้าน
    เมื่อทุกคนร่วมใจกัน บ้านที่เรียกว่าโลกใบนี้ก็จะที่มีเเต่คำว่าทุกขัง ก็จะเเสดงความเสื่อม ให้เห็นไวขึ้นด้วย เร็วขึ้นด้วย เหมือนกับใจของคนเรา... ที่อาศัยความเสื่อมเป็นที่พึ้งทำให้ ยุค นี้คือยุคเสื่อมลง เเล้วเสื่อมเร็วในอีกอนาคต เเต่เมื่อถึงที่สุด คำว่าอนัตตาตาก็ยังไม่หายไป กลับมา เป็นทุกขังใหม่เหมือนเดิม
     
  9. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    ผมจะให้ปริศนาธรรมไว้

    อะไรเกิด อะไรตั้งอยู่ อะไรดับไป ถึงจะรุ้เเล้ว ว่าเป็นไตรลักษณ์ .... ไม่ถึงกับจิต เจตสิก วิญญาณ เเต่ก็จะเชื่อมๆกันอยู่
    นะ ถ้าอ่านจริงๆเเล้ว เรื่องที่เล่าก็บอกไปหมดเเล้วอยู่ที่จะดูออกมั้ย
     
  10. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    เดินกลับกุฏิ พร้อม สังฆคุณ ๒๕๐๐ปี

    เมื่อ ๑๐กว่าปีก่อน
    สมัยที่ยังบวชเป็นพระอยู่ หลังจากได้เรียนธรรมะบ้างฝึกสมาธิบ้างได้๒เดือน รู้สึกว่าตนเองได้รับความรู้รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน รู้สึกดีใจ และ ปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก

    วันหนึ่งหลังฉันบิณฑบาตรเสร็จ ก็เดินกลับกุฏฺิในป่า ระลึกถึงความรู้ที่ได้เรียนนี้มาจากไหน? มาจากการเปล่งวาจาขององค์พุทธะ แล้วใครเป็นคนนำมาให้เรา? ก็สงฆ์สิ สงฆ์รุ่นแล้ว รุ่นเล่า ชีวิตแล้ว ชีวิตเล่า ได้นำส่งความรู้ข้ามข่ายกาลเวลา ๒๕๐๐ปี บัดนี้มีความรู้บางส่วนมาถึงเราแล้ว อัศจรรย์จริงหนอ พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ มาถึงกระผมแล้วถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนน้อยนิด

    ด้วยความสำนึกในสังฆคุณ ที่ส่งต่อความรู้ มาสู่ตัวตนแห่งเรา และมิอาจจะหาคำสรรเสริญใดๆอันเป็นถ้อยคำได้ ความสุขอันเปี่ยมล้นจึงบังเกิดขึ้น ตลอดทางเดินจนกระทั่งถึงกุฏิ
     
  11. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    คำทำนายของพระพุทธเจ้า
    จะมีปริศนาอยู่

    สมัยนั้น จักมีสมัยที่มนุษย์มีอายุขัยลดลงมาเหลือเพียง ๑๐ ปี (จักมีลักษณะแห่งความเสื่อมเสียมีประการต่าง ๆ ดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า) : หญิงอายุ ๕ ปี ก็มีบุตร; รสทั้งห้า คือเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และรสเค็ม ก็ไม่ปรากฏ; มนุษย์ทั้งหลาย กินหญ้าที่เรียกว่า กุท๎รูสกะ (ซึ่งนิยมแปลกันว่าหญ้ากับแก้) แทนการกินข้าว; กุศลกรรมบถหายไป ไม่มีร่องรอย, อกุศลกรรมบถ รุ่งเรืองถึงที่สุด; ในหมู่มนุษย์ ไม่มีคำพูดว่ากุศล จึงไม่มีการทำกุศล; มนุษย์สมัยนั้น จักไม่ยกย่องสรรเสริญ ความเคารพเกื้อกูลต่อมารดา (มัตเตยยธรรม),ความเคารพเกื้อกูลต่อบิดา (เปตเตยยธรรม), ความเคารพเกื้อกูลต่อสมณะ (สามัญญธรรม), ความเคารพเกื้อกูลต่อพราหมณ์
    (พรหมัญญธรรม), และ กุลเชฏฐาปจายนธรรม, เหมือนอย่างที่มนุษย์ยกย่องกันอยู่ในสมัยนี้; ไม่มีคำพูดว่า แม่ น้าชาย น้าหญิง พ่อ อา ลุง ป้า ภรรยาของอาจารย์ และคำพูดว่า เมียของครู;
    สัตว์โลกจักกระทำการสัมเภท (สมสู่สำส่อน) เช่นเดียวกันกับแพะ แกะ ไก่ สุกร สุนัข สุนัขจิ้งจอก; ความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดฆ่า เป็นไปอย่างแรงกล้า แม้ในระหว่างมารดากับบุตร บุตรกับมารดา บิดากับบุตรบุตรกับบิดา พี่กับน้อง น้องกับพี่ ทั้งชายและหญิง
    เหมือนกับที่นายพรานมีความรู้สึกต่อเนื้อทั้งหลาย.
    ในสมัยนั้น จักมี สัตถันตรกัปป์ (การใช้ศัสตราวุธติดต่อกันไม่หยุดหย่อน) ตลอดเวลา ๗ วัน : สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นจักมีความสำคัญแก่กันและกัน ราวกะว่าเนื้อ; แต่ละคนมีศัสตราวุธในมือ ปลงชีวิตซึ่งกันและกันราวกะว่า ฆ่าปลา ฆ่าเนื้อ.
    (มีมนุษย์หลายคน ไม่เข้าร่วมวงสัตถันตรกัปป์ด้วยความกลัว หนีไปซ่อนตัวอยู่ในที่ที่พอจะซ่อนตัวได้ตลอด๗ วัน แล้วกลับออกมาพบกันและกัน ยินดีสวมกอดกันกล่าวแก่กันและกันในที่นั้นว่า มีโชคดีที่รอดมาได้ แล้วก็ตกลงกันในการตั้งต้นประพฤติธรรมกันใหม่ต่อไป ชีวิตมนุษย์ก็ค่อยเจริญขึ้น จาก ๑๐ ปี ตามลำดับ ๆ จนถึงสมัย๘ หมื่นปี อีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งเป็นสมัยแห่งศาสนาของพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า เมตเตยยสัมมาสัมพุทธะ).
    ปา. ที. ๑๑/๗๐-๘๐/๓๙-๔๗.

    คำทำนายประมาน ครายๆเเบบนี้ถ้าดูให้ดีใครๆก็ทำนายได้นะ ความเสื่อมเนี่ย ถ้าตั้งใจคิด เพราะความตั้งอยู่เป็นธรรมดา เป็นกฏตายตัวเเห่งธรรมดา เมื่อมีสิ่งที่เป็นปัจจัย มันก็จะเกิดเเบบนี้
    ต่อไปมันก็ต้องเป็นเเบบนั่นเพราะว่า มนุษย์อาศัย ทุกขัง ความเสื่อมมาตั้งเเต่เเรกอยู่เเล้ว ก็เหมือนกับว่า มนุษย์ทุกคนจะต้องเดินไปหาจุดจบเเบบนั่นเป็นธรรมดาอยู่เเล้ว เพราะตอนนี้มันคือขาลง คือ อนัตตา เจริญรุ่งเรืองด้วย กิเลส อวิชชา ครอบงำจิตใจมนุษย์ไว้ อนาคตจะวิวัฒนาการ ของร่างกายมนุษย์ คือการมีความดับให้เห็นไว้ขึ้นคือ10ปีตาย เพราะทุกขังมันมากขึ้น คือความเสื่อมไวขึ้น เเละทำให้กิเลสมากเร็วขึ้นเป็นธรรมดาเเถมจิตใจก็ต่ำลง เพราะอะไร เพราะกลัวใช้ชีวิตไม่คุ้มค่า หรือ สมุทัย นั่นจะมีมากในยุคนั่น
    เกิดตัณหา กิเลส อุปทาน
    เมื่อถึงที่สุด มนุษย์ก็จะย้อนกลับไปหา กุศล กลับไปอายุเท่าเดิม วิวัฒนาการ เป็น
    เหมือนเดิม เเล้วอะไรที่ตามไปเเม้กระทั่งสังคมมนุษย์ที่กำลังจะเจริญหล่ะ?...
    จนถึงยุคพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปมาโปรดสัตว์อีกหล่ะ เป็นสิ่งที่ตามมนุษย์ไปทุกหนทุกเเห่งนั่นเเละ

    ถึงจะเข้าใจเเล้ว ผมก็คิดว่ายังไม่เข้าใจ เพราะมันอยู่ใกล้เกินจนมองไม่เห็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2012
  12. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    ก็เหมือนวิมุตตินั่นเเละ

    เมื่อถึงวิมุตติ ก็จะรู้ได้ด้วย วิมุตติญาณทัสสนะ คือความเข้าใจในวิมุตติ

    เเบบเดียวกัน ก็คือเรื่องที่ให้ไปนั่นมันสรุป ก็ต้องรู้ สรุป
     
  13. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,135
    วิมุตติ กับ ความเสื่อมของศีลธรรมในอนาคต เกี่ยวข้องกับสภาวะร่างกาย ที่รับสัมผัสได้ด้วย อายตนทั้ง 6 ตรงไหนครับ?
     
  14. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    ถ้าคุณถามเเบบนี้เเสดงว่าเกือบรู้... หรือรู้เเล้วละ- - รึยังไม่รู้ว่าตัวเองนั่นรู้ *-*
    เหมือนกับคุณเดินข้ามสิ่งนั่นมา เเล้วมาถามผมเเบบนี้อีกครั้ง ว่านี้คืออะไร
    ผมจะให้ดู 2 ระบบคือ สมมุติ กับ วิมมุติ ไว้ทำความเข้าใจก็น่าจะเข้าใจเเล้วนะ ดูว่ามันเกียวกับ อนัตตามั้ย มันเเตกต่างกันมากน้อยหรือไม่?
    ระบบสมมุติ เรียกว่า สังขตธรรม คือ ธรรมที่ถูกปรุงแต่งได้ ประกอบด้วย
    1.อุปปาโท ปัญญายติ มีการเกิดปรากฏ
    2.วะโย ปัญญายติ มีการเสื่อมปรากฏ
    3.ฐิตัสสะ อัญญะฐัตตัง ปัญญายติ เมื่อตั้งอยู่ มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ
    ส่วนระบบวิมุตติ หรือ นิพพาน เรียกว่า อสังขตธรรม คือ ธรรมที่ถูกปรุงแต่งไม่ได้ ประกอบด้วย
    1.นะ อปุปาโท ปัญญายติ ไม่ปรากฏการเกิด
    2.นะ วะโย ปัญญายติ ไม่ปรากฏการเสื่อม
    3.นะ ฐิตัสสะ อัญญะฐัตตัง ปัญญายติ เมื่อตั้งอยู่ ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ

    ถ้าเข้าถึงวิมมุติญานทัสสนะคือสิ้นอาสวะ ได้ก็คือ นิพพาน
    เเต่ลองมาดูพระสูตรนี้
    ภิ กษุ ท .! ภิ กษุ ใด เป็ น พ ระอ รหั น ต์ มี อ าส วะสิ้น แล้ว อยู่จบ
    พรหมจรรย์ ทำกิจที่ต้องทำสำเร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ของ
    ตนอันตามถึงแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นไปรอบแล้ว เป็นผู้หลุดพ้นแล้วเพราะรู้
    โดยชอบ ; ภิกษุ นั้น ย่อมรู้ยิ่งซึ่งนิพ พานโดยความเป็นนิพ พ าน ; ครั้นรู้ยิ่ง
    (อภิญญา) ซึ่งนิพพานโดยความเป็นนิพพานแล้ว.
    ย่อม ไม่สำคัญมั่นหมาย ซึ่งนิพพาน (นิพฺพานํ น มญฺญติ) ;
    ย่อม ไม่สำคัญมั่นหมาย ในนิพพาน (นิพฺพานสฺมึ น มญฺญติ) ;
    ย่อม ไม่สำคัญมั่นหมาย โดยความเป็นนิพพาน (นิพฺพานโต น มญฺญติ) ;
    ย่อม ไม่สำคัญมั่นหมาย ว่านิพพานของเรา (นิพฺพานมฺเมติ น มญฺญติ) ;
    ย่อม ไม่เพลินอย่างยิ่งซึ่ง นิพพาน (นิพฺพานํ นาภินนฺทติ).
    ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ข้อนั้นเรากล่าวว่า เพราะนิพพานเป็นสิ่ง
    ที่เธอนั้นกำหนดรู้รอบ (ปริญฺญาต)แล้ว

    - มู. ม. ๑๒/๖/๔.

    รวมๆมันก็ครายๆไปเเบบที่ผมบอกนั่นละ ถ้าคุณเรียบเรียงมันดีๆนะ
    ก็จะรู้ตั้งเเต่ต้น จนจบ ที่ผมจะบอกไป
    เป็นปฏิปทาดับไม่เหลือ
    หรือจะบอกว่า ก็คุณก็รู้อยู่นั่นเเละนะ
     
  15. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,135
    สงสัยคงต้องตอบว่า "ยังไม่รู้ ว่าตัวเองไม่รู้" ดีกว่าครับ...
    ผมได้รับคำแนะนำจากพระป่า ที่ผมเชื่อว่าเป็นพระอริย มาบ้างครับ เรื่องการดับไม่เหลือ แต่กำลังสติและปัญญาของผมเอง ณ ปัจจุบันนี้ ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ เรื่องวิมุตติ คงยังเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผมอยู่ครับ

    แต่ ณ ปัจจุบันนี้ นอกจากการเห็นสภาวะต่างๆ ของร่างกาย เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้ว ยังเห็นสภาวะในจิตใจตัวเอง เป็นเช่นเดียวกันด้วย จะอารมณ์ใดๆ ก็แล้วแต่ ทั้งอารมณ์ และ ความคิด ที่เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นกลาง ทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ทั้งสิ้น เช่นนี้แล้ว การไม่ยินดีในการถืออารมณ์ใดๆ ให้ติดข้องค้างในจิต ก็เกิดขึ้น เหมือนกับการไม่ยินดีที่จะอยู่อาศัยในร่างเนื้อนี้ครับ การอยู่อาศัยในร่างกายหยาบนี้ ไม่พึงประสงค์เช่นใด การถืออารมณ์ไว้ในใจ ก็ไม่พึงประสงค์เช่นเดียวกันครับ จิตข้องแวะกับร่างกาย เท่าที่จำเป็นต้องใช้งาน ไม่แบกเวทนาส่วนเกินไว้ ไม่เลี้ยงกิเลส ไม่เลี้ยงร่างกายให้เกินความพอดีต่อการใช้งาน เช่นเดียวกับจิต ที่ข้องแวะกับอารมณ์ความคิดต่างๆ เพื่อให้กิจทางโลกและทางธรรม ลุล่วงไปได้ ไม่ใช่เพื่อสนองตัณหา ไม่ใช่เพื่อเลี้ยงอัตตาตัวตน ไม่ใช่เพื่อความสบายใจครับ

    ชาตินี้ ไม่รู้ว่า อาสวะจะสิ้นได้หรือไม่ และปัจจุบันก็รู้ตัวดีว่า ยังไม่สิ้นอาสวะ ยังเหลืออีกไม่น้อย แต่ไม่ได้ยินดี ในการข้องเกี่ยวกับอาสวะต่างๆ อีกต่อไปครับ

    // วันนี้ได้แวะไปกราบหลวงพี่เล็กมา ถามท่านเรื่องการรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจ ท่านก็บอกว่า เป็นเรื่องปกติของผู้ที่จิตละเอียดขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2012
  16. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    อืมน่าสนใจมาก วิธีที่ท่านแนะนำ จะลองลุ้นดู มันคงไม่ดังเท่าไหร่นะ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2012
  17. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ฝากดู สภาวะธรรม เหล่านี้ เพิ่มทั้งหมดเลยครับ เหล่านี้ เป็นสภาพธรรมที่
    เรียกว่า ฉ้อฉล หมดเลย

    อาศัยอะไรกล่าว

    "เหมือนกับ" "การไม่ยินดี" "ที่จะอยู่อาศัย" "ในร่างเนื้อนี้ครับ"

    เอาประโยคต้นตัวนี้ก่อน น่าจะเป็น เหตุปัจจัย ที่ทำให้เกิดการ ฉัอฉล ทางธรรม
    เกิดขึ้น

    ตรงคำว่า เหมือนกับ อันนี้เรียก สัญญาขันธ์ มันกระทำหน้าที่ในส่วน หมายหมาย

    สัญญาขันธ์ทำหน้าที่ สองลักษระ คือ จำได้ กับ หมายๆรู้ หมายว่ารู้ หรือ สุ่มเดา
    ว่าเหมาะควรอย่างนั้น อย่างนี้

    จะเห็นว่า คุณประรภจั่วว่า "เหมือนกับ" ต่อไปให้ทันสภาวะ ตีฆนะสัญญาให้แตก
    แล้วมันจะแสดงตัวว่าเป็น การส่งออก เป็นสมุทัย เกิดเป็นการ สุ่มเดาคาดหมาย
    พุ่งออกจาก ระหว่างอก ( เห็นได้จริงๆ นะ -- ตามระลึก สภาพกลางอกให้ดีๆ ไม่
    เอาที่เป็นการต้นของหัวใจ ไม่เอาสัญญาณไฟฟ้าที่เกิดแถวกล้ามเนื้อหัวใจ แต่
    ให้ระลึกให้ละเอียดกว่านั้น อย่า จงใจ เดี๋ยวอึดอัด ทำเนืองๆ ฝึกเรื่อยๆ เดี๋ยว
    พอสมควรแก่ธรรม มันจะปรากฏให้เห็นเอง )

    ส่วนการไม่ยินดี นี่ถ้าจะหวะมันเกิด สมุทัยพุ่งออกจากกลางหว่างอก ออกไปแล้ว
    เราไม่ทัน มันยังมีดาบสองให้พิจารณา คือ การเกิด ตัณหา อันนี้คุณจะเห็นว่า
    มันเป็น "วิภวตัณหา"

    พอเกิด วิภวตัณหา เวทนาเกิดครบ คราวนี้เกิด วิญญาณ เข้าครอง ตรงนี้เลยทำให้
    ปรารภคำว่า "ที่จะอยู่อาศัย"

    หลังจากนั้น "กายหนาคืบกว้างศอก" ก็เข้ามาปิดบังอริยสัจจ ปิดบังนะครับ ไม่ใช่
    เปิดเผย ไม่ใช่หงายของที่คว่ำ ( แล้วการเห็นของที่คว่ำ ตอนไหน ก็ตอน
    จิตมันส่งออกไง ตอนต้นนู้นเลย เห็นตรงนั้นได้ หงายเลย ปิติเกิด ปัสสัทธิเกิด
    โพชฌงค์เกิด เพราะมีอาหารถูกหลักอนามัย -- สัมมาสมาธิ )

    *****************

    คุณอาจจะแย้งว่า เอา มันก็ถูกแล้วนี่ ที่จะตรึกตรองแบบนี้ อันนี้ผมก็เลยต้อง
    พสดู ผลจิต วิบากของมัน

    สังเกตนะว่า คุณจะปรารภแต่ สิ่งนั้น สิ่งนี้ ไม่พึงประสงค์ ไปหมด ซึ่งถือว่าโดน
    มันหลอกเอาเต็มเปา

    จริงๆแล้ว หากภาวนาถูกต้อง เราจะ ดูแลรักษามันอย่างดีครับ เพราะ โคลนตม
    ที่เป็นร่างกายนี้ หาได้ยากมากกกกก เทวดา พรหม ต้องการมาก เพราะหากมีแล้ว
    สามารถทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ง่าย

    แต่การดูแลรักษษอย่างดี แน่นอนว่าไม่ใช่การเปรอปรน แต่ เป็นการอยู่อย่างมี
    สัมมาอาชีวะ ที่สอดคล้องกับ สัมมากัมมันตะ

    ทีนี้พอมัน ฉ้อฉลได้ที่ คราวนี้ มันจะมี มุขเอาหล่อ เอาเทห์ เพื่อสนองอัตตา
    แตสังเกตุดีๆว่า มันเด๋อด๋า ค่อนข้างขาดเหตุขาดผล เช่นปรารภว่า

    เนี่ย หากเข้าใจ มีจิตละเอียดแล้ว ต่อไป เราดูสภาวะเหล่านี้ด้วย

    คุณจะค่อยๆเข้าใจ จังหวะที่ ไม่ยึดมั่นถือมั่นแม้ในมรรควิธีด้วย

    หากยึดมั่นถือมั่นมรรควิธีปั๊ป จะออกอาการอย่างที่แจกแจงให้พิจารณา

    เวลาภาวนามาตอนกิเลสละเอียด ( กิเลสติดมรรค หรือ วิปัสสนูกิเลส
    ซึ่งจะเกิดขึ้น ตอนเจอ วิปัสสนาญาณช่วงต้นๆ ) เราจะต้องชกให้ทัน
    เพิ่มขึ้น พอชกกิเลสละเอียด การติดดี ติดมรรควิธีได้ คราวนี้สบาย

    จะเข้าใจว่า

    หีนาปฏิปทา ธรรมา
    มัฌิมาปฏิปทา ธรรมา
    ปณีตาปฏิปทา ธรรมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2012
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ทีนี้ อุปสรรคของนักภาวนา เวลามาเจอ ต้นทางสุดยอดวิชา จรณะ สัมปัณโน

    คือ อาการมานะ ถ่อมตัว

    จากสภาพธรรมที่ผมเล่า หากใช้ มานะข้างถ่อมตัว จะเกิดอาการ ทิฏฐิ ตัวหนึ่ง
    เกิดขึ้น เทียบ ปุถุชน กับ อะไรสักอย่างที่สูงๆ ซึ่ง ไอ้ตอนแรกๆเนี่ยะ เนื่องจาก
    "ศรัทธา" เราเคยก่อเวรกรรมสร้าง ศรัทธาปลอมๆเอาไว้ คำว่า จิตอรหันต์ จะ
    มาหลอกทันที มารมันยิ้มเผล่เลย ส่ายก้นดิ๊กๆเลย

    อย่านะครับ อย่าไปคว้า "ทิฏฐิ" ที่ผุดขึ้นตัวนี้ว่า เป็นเรา เป็นของๆเรา มันจะ
    ผลิกเป็น มิจฉาทิฏฐิ ทันที

    เพราะ สภาพธรรม สภาพการภาวนาที่ชี้ให้พิจารณาเนี่ยะ ยืนยัน1000% ว่า
    เป็น ภูมิปุถุชนชั้นดี เท่านั้น เรียกว่า ขั้นสังขารุเบกขาญาณอ่อนๆ เอง

    เมื่อไหร่ เห็น สังขารุเบกขาญาณ เจริญแล้วเสื่อม เห็นรอบ หรือ รู้เหตุของ
    การเกิด และ เห็นเหตุของการดับ ของสัขารรุเบกญาณ ตอนนั้น ค่อยปรารภ
    ว่า รู้ว่า มี "สังขารุเบกขาญาณ"

    พอรู้ชัดแบบนี้ ก็จะไม่เพียร ไม่พัก ได้อย่างถูกต้อง ไม่พูดอะไรทำนอง

    "เหมือนกับ.................." อีก แต่ "จะเงียบ นิ่งเสียโพธิจิต"
     
  19. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    แล้วถ้าเกิด ห่วงว่า ตายละหว่า ศรัทธาที่เราสร้างเอาไว้ปรุงเอาไว้ มันเป็น เวรกรรม
    ได้ด้วยหรือ อันนี้ไม่ต้องห่วง สังขารธรรมหยาบๆกระจอกๆเหล่านั้น จะกระเด็นหาย
    เป็นปลิดทิ้ง หาก เธอ จดจำ คำสอนของพระตถาคต ที่ว่า ด้วยเรื่องนี้ และ คำสั่ง
    กำกับสำทับ ให้ทรงจำให้ดี สมาทานให้ได้ ตามพุทธวัจนะนี้ เถิด

    จะเห็นว่า มีการตรัสเตือน เรื่องมานะ การคำนึง

    อันนี้ ต้องยกพิจารณาด้วย หากลืม จะทำให้ โลเล แสวงหา ศาสดาอื่น ( ผู้สอน
    ที่ไม่ใช่ พระตถาคต ซึ่งให้ รวมสาวกด้วย ทั้งนี้ เพราะ พระสูตรนี้ พระพุทธองค์
    ต้องการย้ำว่า จำคำตถาคตเท่านั้น พวกคนอื่น ไม่รู้เรื่องเด็ดขาด -- แม้แต้ผู้
    ภาวนาที่ได้ด้วยพระสูตรนี้ ก็ถือว่า ไม่รู้เรื่องด้วย -- กันไม่ให้ ยึดมรรควิธี นั่นแหละ
    เพราะถ้ายึดมรรควิธีปั๊ป มันจะยกตนเป็น ศาสดา แทนพระพุทธองค์ แบบ สี5 เป็นต้น )
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ฝึกให้ดีๆ สมาทานให้ดีๆ นะคร้าบ

    กรรมฐานพระสูตรนี้ พระสูตรเดียว กสิณครบ10

    ฌาณครบ8 และ ไม่ใช่ ครบธรรมดาๆ เป็นการครบที่
    เทียบกับ "อนุตตรวิโมกข์" พระสูตรนี้เลย ย้ำพุทธคุณมากหน่อย
    เพราะสาวกอาจจะสำคัญตัวผิดได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...