เรื่องเด่น พระอริยสงฆ์ยืนยัน ในหลวงรัชกาลที่ ๙ "พระองค์ประทับอยู่ที่เดียวกับพระศรีอาริย์"

ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 10 ตุลาคม 2017.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    1371475700-paragraphp-o.jpg

    เรื่องราวที่บรรดาพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ที่ได้เคยกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า พระองค์ทรงเป็น "พระโพธิสัตว์" โดยแท้ เพื่อน้อมถวายความจงรักภักดีแด่พระมหาธรรมราชา ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐแห่งแผ่นดินไทย และเพื่อยังความเป็นสวัสดิมงคลอันยิ่งให้บังเกิดขึ้นแก่แผ่นดิน นับว่าเป็นบุญของแผ่นดินไทยที่เราได้มีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรมอย่างแท้จริง

    Image(4).jpg

    จากกรณีที่ หลวงพ่อวิริยังค์ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ พระธรรมมงคลญาณ หรือ หลวงพ่อวิริยังค์ เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล พระวิปัสสนาจารย์ชื่อดัง มีธรรมกถาปรารภถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่๙ ว่า

    "ท่านมิได้เสด็จไปไหน ท่านเพียงแต่เปลี่ยนภพภูมิที่สูงขึ้น ความดีของท่านยังสถิตอยู่ในใจเรา เรามีหน้าที่ทำดีต่อไปตามพ่อสอน มีพุทธพจน์ กล่าวว่า ผู้ทำความดี แม้มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็มีค่า แต่คนไม่ดี แม้มีอายุยืนยาวก็ชื่อว่าไร้ค่า"

    lp-wiriyang-sirintharo.jpg

    ทั้งนี้เพื่อเป็นยืนยันที่หลวงพ่อวิริยังค์ ธรรมกถาปรารภถึง "พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" หากย้อนไป หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระอริยสงฆ์ที่ทุกท่านนับถือ เคยกล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า

    "พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมาก ฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้ เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ (ในหลวงรัชกาลที่ ๙) ปรารถนามานาน แต่เวลานี้บารมีเป็น "ปรมัตถบารมี" เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ พุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น "วิริยาธิกะ" ต้องบำเพ็ญถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่เกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว "แสนกัป" อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ ซึ่งในหลังจากที่พระองค์ (ในหลวง รัชกาลที่๙) เสด็จสวรรคต คงจะเสด็จไปประทับในที่เดียวกับพระศรีอาริยเมตไตรย"

    นอกจากนี้ได้มีบันทึกไว้ในหนังสือ ชุด "ตายแล้วไปไหน จากคำสอนของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)" โดยคุณคณิตพร บุณยเกียรติ (เปี๊ยก) และคณะได้รวบรวมและจัดทำขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๔ ว่า

    %B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A2.jpg

    "พระศรีอาริยเมตไตรย ในสมัยพระพุทธเจ้าท่านบวชเป็นพระมีนามว่า อชิตะภิกขุ เดิมทีท่านเป็นลูกศิษย์ของพราหมณ์พาวรี ท่านไปบวชเพื่อสร้างเสริมบารมี ต่อมาเมื่อ พระนางกีสา โคตมีได้ทอจีวรด้วยมือของตนเองปรารถนาจะถวายพระพุทธเจ้า เมื่อเวลาพระนางไปถวาย พระพุทธเจ้าเรียกพระมาหมด นั่งเรียงแถวกันตามลำดับอาวุโสและคุณสมบัติ เมื่อพระนางกีสาโคตมีถวายผ้าแก่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ส่งให้พระสารีบุตร ท่านพระสารีบุตรก็ส่งให้พระโมคคัลลาน์ ท่านพระโมคคัลลาน์ก็ส่งต่อๆ กันไปหมดจนถึงองค์สุดท้ายคือท่านอชิตะภิกขุ ท่านไม่รู้จะส่งให้ใครเพราะนั่งอยู่ท้ายสุด เป็นอันว่าท่านก็รับไว้ พระนางกีสา โคตมีก็เสียใจว่าอุตสาห์ทำเองเลือกด้ายชั้นดีมาทอกับมือเองเพื่อถวายพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ไม่รับกลับไปให้กับพระที่ไม่ได้แม้แต่ฌานสมาบัติมากมายอะไรนัก คือว่ายังเป็นพระปุถุชนคนธรรมดา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบอัธยาศัยจึงเทศนาโปรดว่า พระองค์สุดท้ายไม่ใช่พระธรรมดา ท่านอชิตะภิกขุผู้นี้ต่อไปข้างหน้าจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง มีพระนามว่า "สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย" หลวงพ่อเทศน์ไว้

    ปัจจุบันนี้ท่านมาเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต วิมานท่านสวยสดงดงามมาก ท่านมีรัศมีกายสว่างมาก หน้าตาผ่องใสยิ้มระรื่นน่าชื่นใจ ท่านได้บอกกับอาตมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ ว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป อีก ๑ ล้านกับ ๒ ปี ท่านจะลงมาเกิดในเมืองมนุษย์แล้วเป็นปุโรหิต หลังจากนั้นเกิดความเบื่อหน่ายก็ออกแสวงหาพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า และหลวงพ่อยังย้ำไว้ว่า ผู้ที่มีสิทธิไปเกิดอยู่ชั้นดุสิตได้ ๓ พวกคือ

    ๑. พุทธบิดาพุทธมารดาของพระพุทธเจ้า

    ๒. พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเข้มแข็งแล้ว

    ๓. พระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจึงจะอยู่ชั้นนี้ได้

    สวรรค์ชั้นดุสิต คือสวรรค์ชั้นที่ ๔ ในฉกามาพจร มีท้าวสันดุสิตเป็นจอมเทพ พระโคตมพุทธเจ้าตรัสถึงสวรรค์ชั้นดุสิต อยู่สูงกว่ายามา แต่ต่ำกว่านิมมานรดี มีท้าวสันดุสิต เป็นจอมเทพ ไตรภูมิพระร่วงระบุว่าสวรรค์ชั้นนี้อยู่สูงกว่าชั้นยามาไป ๑๖๘,๐๐๐ โยชน์ มีปราสาทแก้ว ปราสาททอง ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว มีสวน สระบัวสวยงามยิ่งกว่าสวรรค์ชั้นที่อยู่ต่ำกว่า เป็นที่ประทับของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายและว่าที่พระอัครสาวก ในปัจจุบันพระศรีอริยเมตไตรยและว่าที่พระอัครสาวกของพระองค์จึงประทับอยู่ ณ ภูมินี้ อายุของเทวดาในชั้นดุสิตยาวนานถึง ๔,๐๐๐ ปีทิพย์ ซึ่งเท่ากับ ๕๗๖,๐๐๐,๐๐๐ ของปีมนุษย์

    สวรรค์ชั้นดุสิต มีความพิเศษกว่าสวรรค์ชั้นอื่นอยู่หลายประการ หนึ่งในความพิเศษนั้นก็คือ เป็นที่อยู่ของเหล่าพระบรมโพธิสัตว์ ที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตจำนวนมาก และเหล่าเทพบุตรที่สร้างบารมีเป็นพระสาวก เพื่อตามพระบรมโพธิสัตว์ลงมาตรัสรู้ในอนาคต เหตุที่พระบรมโพธิสัตว์หรือบัณฑิตทั้งหลาย จึงปรารถนาที่จะได้มาบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ ทั้ง ๆ ที่กำลังบุญของแต่ละท่านนั้นมากมาย ปรารถนาที่จะไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นใดก็ได้ เหตุที่ท่านเลือกสวรรค์ชั้นนี้ มีข้อสังเกตอย่างน้อย ๓ ประการ คือ

    ๑. พระโพธิสัตว์สามารถจุติลงมาได้ตามใจปรารถนา หมายความว่าโดยปกติเทวดา มีเหตุแห่งการจุติหลายประการ เช่น หมดบุญก็มี หมดอายุขัยก็มี จุติเพราะความโกรธก็มี แต่เหล่าพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายในสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ เมื่อจะจุติลงมาสร้างบารมี หรือมาบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะนั่งทำสมาธิ อธิษฐานจิต สามารถดับวูบ ลงมาเกิดได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของชาวสวรรค์ชั้นอื่น ๆ

    ๒. เนื่องจากสวรรค์ชั้นนี้ มีแต่บัณฑิต มีแต่พระบรมโพธิสัตว์ ล้วนแต่มีอัธยาศัยคล้ายคลึงกัน ที่จะฝึกฝนตนเองและช่วยสรรพสัตว์ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน ไม่ประมาทในการดำรงชีวิตเหมือนชาวสวรรค์ชั้นอื่น ๆ มักจะคบหาบัณฑิต พูดคุยสนทนาธรรมกันเพื่อความเบิกบานใจ และหมั่นไปฟังธรรมในวันพระ ซึ่งท่านท้าวสันดุสิตจะเป็นผู้อัญเชิญพระบรมโพธิสัตว์ ที่มีบุญบารมีมาก มาแสดงธรรมให้ฟัง

    ๓. ประมาณอายุทิพย์ของสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ คือ ๔,๐๐๐ ปีทิพย์ ซึ่งไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป พอเหมาะพอดีที่จะเสวยสุข เพราะท่านจะต้องลงมาสร้างบารมีต่อ ถ้ามีอายุขัยนานเกินไปจะทำให้เสียเวลา

    เทวดาที่เสวยทิพยสมบัติอยู่บนชั้นดุสิตนี้ มีอายุยืน ยาวได้ ๔ พันปีทิพย์หรือห้าสิบเจ็ดโกฏหกล้านปี ในโลกมนุษย์ ๔,๐๐๐ ปีทิพย์ แล้วก็ถ้าจะเทียบกับเมืองมนุษย์ก็ ๔๐๐ ปีของเราเป็น ๑ วันของเทวดาชั้นนี้



    ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.faiththaistory.com

    เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง

    จากหนังสือ "ตายแล้วไปไหน จากคำสอนของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)" โดยคุณคณิตพร บุณยเกียรติ (เปี๊ยก) และคณะได้รวบรวมและจัดทำขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๔

    https://th.wikipedia.org/wiki/ดุสิต

    http://www.watkaokrailas.com

    http://www.phenkhao.com/contents/ax/10586
     

แชร์หน้านี้

Loading...