เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 ตุลาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,892
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,476
    ค่าพลัง:
    +26,306
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0914.jpeg
      IMG_0914.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      370.7 KB
      เปิดดู:
      11
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,892
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,476
    ค่าพลัง:
    +26,306
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ รุ่นของกระผม/อาตมภาพเรียกเดือนนี้ว่า "ตุลาอาถรรพ์" เนื่องเพราะว่าโศกนาฏกรรมใหญ่ ๆ หลายอย่าง มักจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนนี้ อย่างเช่นเหตุการณ์วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ หรือว่าเหตุการณ์วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ หลายท่านก็คงจะเกิดไม่ทัน ว่าบ้านเราเมืองเรานั้นมีความขัดแย้งกันรุนแรงขนาดไหน

    คราวนี้เรื่องขัดแย้งต่าง ๆ ทั่วโลก จะว่าไปแล้วก็เกิดจากบุคคลแค่ไม่กี่คน ที่ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง จนกระทั่งมีบางคนบอกว่า คนแก่แค่ไม่กี่คนทะเลาะกัน แล้วก็ส่งคนหนุ่มไปตายจนนับไม่ถ้วน..! บ้านเราเมืองเราก็ตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้มาเนิ่นนาน ยิ่งในยุคสมัยนี้ที่เขาเรียกว่าโลกาภิวัตน์ แทบทุกประเทศเกือบจะเหมือนอย่างกับอยู่กับในบ้านเดียวกัน จึงทำให้มีการแทรกแซงจากต่างประเทศชัดเจนมากยิ่งขึ้น

    เราท่านทั้งหลายจะเห็นว่าบ้านเราเมืองเรานั้นความจริงไม่ได้มีเรื่องอะไรเลย แต่ก็มีบุคคลบางคณะพยายามที่จะ "ปั่น" ให้มีเรื่องขึ้น สิ่งที่เขาทั้งหลายเหล่านั้นทำ ต้องบอกว่าเกิดจาก ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกก็คือทำเพื่อผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายหนึ่งหยิบยื่นให้ ประการที่ ๒ ก็คือความโง่เฉพาะตัว มองไม่เห็นโทษในสิ่งที่ตนเองทำว่า จะทำให้ประเทศชาติของเราเสียหายอย่างไรบ้าง

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บ้านเราเมืองเราจึงไม่ได้สงบเรียบร้อยเสียที เพราะว่าเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้มีคนเจตนาทำให้เกิดขึ้น แล้วคนที่เดือดร้อนส่วนใหญ่ก็คือชาวบ้านตาดำ ๆ นั่นเอง

    คราวนี้เรื่องระดับนั้นเราไม่สามารถที่จะไปทำอะไรได้ เพราะว่าเกินกำลังของเรา ก็ต้องลดขอบเขตลงมาทำในจุดที่เรามีกำลังทำได้ อย่างเช่นว่า ถ้าเป็นหัวหน้าส่วนงานก็ดูในส่วนที่เรารับผิดชอบ อย่างพระภิกษุของเรา ถ้าเป็นเจ้าอาวาสก็ดูแลในเขตวัดและญาติโยมของเราให้ดี พูดง่าย ๆ ว่า ทำให้สิ่งที่เราบริหารจัดการได้ เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรม มีความยุติธรรม ปราศจากอคติ ก็จะทำให้องค์กรหรือหน่วยงานที่เรารับผิดชอบอยู่นั้น มีความเข้มแข็ง รักใคร่สามัคคีกัน โดยเฉพาะต้องสอนให้เขารู้จักการเสียสละผลประโยชน์ส่วนตน เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,892
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,476
    ค่าพลัง:
    +26,306
    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ วิธีสอนที่ดีที่สุดก็คือ ทำตัวเองให้เป็นตัวอย่าง ในเมื่อเราทำเองและทำไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เราทำไปวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ก็จะตอกย้ำเข้าไปในจิตใจของบุคคลรอบข้าง แล้วก็ทำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นเห็นว่า แม้เราจะเผชิญกับแรงกดดันมากมายเพียงใดก็ตาม เราก็ยังมั่นคงต่อเป้าหมายและคุณงามความดีที่ตั้งใจกระทำ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะมีคนที่เริ่มเห็นด้วยกับการกระทำของเรา แล้วก็นำไปใช้งานบ้าง ทำแบบนั้นบ้าง ความสงบเรียบร้อยก็จะค่อย ๆ กระจายออกเป็นวงกว้าง

    อย่าไปหวังว่าเราทำแล้วจะประสบความสำเร็จทันทีทันใด นั่นเป็นเรื่องเพ้อฝัน..! ทุกอย่างจะต้องค่อย ๆ สะสม ค่อย ๆ ทำไปในระยะเวลาที่ยาวนานพอ จึงจะมีคนเริ่มเห็นด้วย ในระหว่างนั้นเราจะท้อไม่ได้ เพราะว่าโดยวิสัยของบุคคลทั่วไปแล้ว เราทำดีเป็นร้อยครั้ง เขาจะชมสักครั้งก็ยาก แต่ถ้าเราทำชั่วให้เห็นสักครั้งเขาจะด่าไปนาน ก็คือคนเรามักจะไม่ยินดีกับความดีของคนอื่น แต่กลับไปคอยซ้ำเติมตอนที่เห็นคนอื่นพลาดพลั้ง..!

    ในเมื่อโลกเราเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนาก็ตาม ถึงต้องมีขันติบารมี คือความอดทนอดกลั้น ต่อสู้ฝ่าฟันแบบไม่ท้อถอย ก็แปลว่าต้องมีวิริยบารมีเข้ามาประกอบด้วย นอกจากนั้นแล้วยังต้องมีปัญญาบารมีที่เข้ามา ช่วยให้เรามองเห็นช่องทาง ว่าทำอย่างไรถึงจะเกิดผลดีที่สุด ทำอย่างไรจะเกิดผลเสียให้น้อยที่สุด เมื่อชั่งน้ำหนักได้แล้วก็ทำไป ทุกอย่างที่เราทำ คนอื่นจะมองเป็นสองด้านเสมอ

    อย่างที่กระผม/อาตมภาพทำตัวเสียสละเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด ยังมีคนมองว่าตั้งใจสร้างภาพ..! เพียงแต่ท่านทั้งหลายถ้ารู้จักสังเกตก็จะรู้ว่า ถ้าคนตั้งใจสร้างภาพนั้นจะทำได้ไม่ทน ทำได้ไม่นาน แต่ถ้าหากว่าเราทำจากน้ำใสใจจริง เราจะทำได้ทน และทำได้นาน สิ่งที่เราทำนั้นอย่าไปหวังว่าคนอื่นเขาจะชม อย่าไปหวังว่าคนอื่นเขาจะเห็น กระผม/อาตมภาพยังนึกถึงตำราพรหมชาติที่กล่าวเกี่ยวกับวันเกิดตัวเองว่า "..ฯลฯ..ทำคุณแก่ใครเหมือนไฟตกน้ำ..ฯลฯ..." ก็คืออย่าหวังเลยว่าจะเห็นผล
    เพียงแต่ว่าเรามีหน้าที่ทำ เราก็ทำของเราไป

    คราวนี้สิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดมานี้ ต้องประกอบด้วยอุเบกขาบารมีอย่างถึงที่สุด ก็คือเรามีหน้าที่ทำ ทำแล้วผลจะดีหรือไม่ดีก็ช่าง ถ้าหากว่าเราวางกำลังใจแบบนี้ไม่ได้ ถึงเวลาก็เครียด ดีไม่ดีก็ซึมเศร้า ล่าสุดนี่ก็เพิ่งจะมีตำรวจยิงตัวตายไป..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,892
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,476
    ค่าพลัง:
    +26,306
    ดังนั้น..ในเรื่องของการทำความดี กระผม/อาตมภาพถึงได้กล่าวว่า เราต้องทำดีเพราะอยากทำ เราถึงจะทำได้ทนทำได้นาน แต่ถ้าเราทำดีเพราะอยากดี ถึงเวลาไม่มีความดีสนองตอบ เราก็จะหมดกำลังใจ จึงเป็นเรื่องที่เราต้องตั้งกำลังใจของตนเองเสียใหม่ ก็คือทำความดีเพราะสิ่งนี้ดี เราถึงทำ ละความชั่วเพราะสิ่งนี้ชั่ว เราถึงละ พยายามปลดจิตของเราออกมาจากความดีความชั่วเหล่านั้น ก็คือได้ดีก็ไม่ยินดี เจอความชั่วก็ไม่ยินร้าย มองให้เห็นว่าปกติของโลกเป็นเช่นนั้นเอง

    ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ ท่านทั้งหลายจะยกกำลังใจขึ้นไปได้สูงกว่าเดิมมาก ก็คือกำลังใจของเราที่ทำความดี เพราะว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้คนเขาสรรเสริญว่าดี เป็นสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านำมาสั่งสอนพวกเราว่า ทำแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น ละความชั่วเพราะว่าสิ่งทั้งหลายนั้น ทำให้ทั้งตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน

    คราวนี้พอเราทำดีละชั่ว ทำดีละชั่วไปเรื่อย ๆ ก็กลายเป็นว่าความดีนั้นเต็ม ความชั่วนั้นไม่มีเพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าถึงตอนนั้นกำลังใจของเราจะปลดจากการยึดเกาะทั้งปวง ก็คือรู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่เอาแล้วทั้งดีและชั่วเหล่านั้น เราก็สามารถยกใจของเราขึ้นเหนือโลกได้ ยกได้มากเท่าไรก็เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้มากเท่านั้น ถ้าหลุดพ้นไปได้เลยก็เข้าสู่พระนิพพาน


    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...