วิธีหลอมพระแก้วคริสตัลหน้าตัก 5 นิ้วแก้วตันๆต้นทุนองค์ละ 137.- บาทหน้า 2#38 ขึ้นไป

รูปพระยืนสูง 70 ซ.ม. นั้น ผมไม่ขอโพสต์ภาพนะครับ เนื่องจากฟองอากาศเม็ดใหญ่มาก ในเมื่อภาพไม่สวยงาม ผมไม่ขอโพสต์เพราะผมจะให้คนได้ชื่นชมพระบารมีของพระ ต้องสวยที่สุดเท่านั้น

ดังนั้นผมจึงขอโพสต์รูปหลวงปู่ทิมหน้าตัก 5 นิ้วที่หล่อในครั้งนั้น ถือว่าก้อนแก้วจากจีนมีผลงานที่พอใช้ได้นะครับ เพราะฟองอากาศไปปรากฏอยู่ที่ส่วนด้านล่างเป็นส่วนมาก และต้นทุนก็ถูกมาก องค์หลวงปู่ทิมหนักแค่ 1 กิโลกรัม ต้นทุนคำนวนดังนี้ครับ

ปูนปลาสเตอร์ 5 kg @ 2.- บาท = 10.- บาท
ก้อนแก้ว 1.1 kg @ 25.- บาท = 27.- บาท
หุ่นขี้ผึ้ง = 50.- บาท
ค่าไฟฟ้าเฉพาะแต่ละองค์ ( หลวงปู่ทิม ) 50.- บาท

รวมต้นทุน 137.- บาท

 

ภาพเดียวกับภาพบน แต่แต่งให้ soft ขึ้นเล็กน้อยด้วยคอมพิวเตอร์ ถือว่าก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนที่ซื้อปลีกจำนวนน้อย กิโลกรัมละ 5 หยวน kg ละ 25.- บาท ถ้าซื้อมากขึ้น ต้นทุนอาจเหลือกิโลกรัมละ 10.- บาทเท่านั้น ท่านอย่าเพิ่งนึกว่าจีนบังคับซื้อจำนวนมากนะครับ เพราะจากประสบการณ์จริงที่โรงงานแก้วของคุณพ่อผม เราหลอมแก้วและขึ้นรูปแก้วเป็นชิ้นงานต่างๆวันละ 5.5 ตัน ( วันละ 5,500 kg. ) เราใช้น้ำแก้วสุกหมดทุกวันนะครับ ไม่เคยมีน้ำแก้วสุกเหลือหลังจาก 5 โมงเย็นเลยสักวันเดียวครับ

และงานแก้วมีมากจริงๆ อย่างเช่นพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษหน้าตัก 5 นิ้ว แต่ละองค์ก็หนักเกือบกิโลกรัม เราสร้าง 1 นาทีต่อ 1 องค์ต่อ 1 ทีมช่างแก้ว แล้วเรามีทีมช่างแก้ว 14 ทีม ทีมละ 6 - 8 คน เฉพาะที่สร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษก็ไม่ต่ำกว่า 2 ทีมแล้ว เฉพาะน้ำแก้วสุกที่สร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษก็ตกวันละ 1,100 กิโลกรัมแล้ว ดังนั้น จีนเขามองตามความจริง และเปิดโอกาสให้คนที่ต้องการเริ่มต้นได้เริ่มต้นด้วยการขายก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อแม้แต่จำนวนน้อยนิดเขาก็ขายครับ ถือว่าเขาให้โอกาสคนที่ต้องการเกิดในวงการแก้วครับ

 

ขออนุญาตอธิบายเรื่องปริมาณน้ำแก้วที่โรงงานหลอมแก้วของคุณพ่อผมหลอมในอดีตนั้น ตามที่ผมได้เคยอธิบายไว้ในกระทู้อื่นๆนะครับ บางช่วง โรงงานหลอมแก้วจะมีเตาหลอม 1 เตา อาจเป็นเตา 6 เบ้าหรือเตา 8 เบ้า หรืออาจเป็นเตา 10 เบ้า เบ้าละ 350 kg. ถ้าใช้เตา 6 เบ้าก็หลอมวันละ 2.1 ตัน ถ้าเป็นเตา 8 เบ้าก็หลอมวันละ 2.8 ตัน ถ้าเตา 10 เบ้าก็หลอมวันละ 3.5 ตัน

แต่มีหลายครั้งที่งานเข้ามามากและต้องมากนานนับเดือนหรือหลายเดือน ทางโรงงานหลอมแก้วจะเพิ่มจาก 1 เป็น 2 เตา ปริมาณก็จะเพิ่มเป็น 2 เท่าทันทีครับ

ดังนั้นโรงงานหลอมแก้วแต่ละโรงจึงมีการหลอมประมาณวันละ 2.1 ตันเป็นอย่างต่ำยืนพื้น หรือถ้าเป็นโรงงานปกติก็ 2.8 ตันยืนพื้น พอมีงานเข้ามามาก ทางโรงงานหลอมแก้วจะเพิ่มเตาหลอมอีก 1 เตา ก็จะกลายเป็น 5 ตันเศษต่อวันทันทีครับ และเมื่อเพิ่มเป็น 2 เตาแล้ว ต้องใช้เตาที่ 2 อยู่นานหลายเดือนให้คุ้มค่าก่อน จึงจะปิดเตาที่ 2 ลง เพราะงานน้อยลงนะครับ

 

นี่ครับ ฟองอากาศส่วนใหญ่ในขนาดหน้าตัก 5 นิ้วมาปรากฏที่ฐาน ซึ่งเวลาอยู่ในเตาอบนั้น แม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์จะหันพระเศียรลงนะครับ ก็แปลว่าฟองอากาศเขาพยายามแหวกน้ำแก้วขึ้นมา แต่เราอาจจะไปลดอุณหภูมิจากจุดหลอมเหลว ไปเข้าสู่อุณหภูมิที่ต่ำลงเร็วเกินไป

เอาไว้จะอธิบายภายหลังครับว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้ที่แท้เป็นอย่างไร ซึ่งผมอาจไม่เขียนก็ได้ เพราะเจ้าของงานเขาหาว่าช่างแก้วลูกน้องผมไม่มีฝีมือ ความจริงมันยังไม่ปรากฏทั้งหมด ความดื้อของเจ้าของงานมีส่วนมากที่จะทำให้งานดีหรือล้มเหลวครับ และลูกน้องช่างแก้วผมก็กลัวผมจะว่าเขา ว่า นอกจากให้คำปรึกษาแล้ว เราควรบอกเขาไปตรงๆว่า งานพวกนี้ ดื้อไม่ได้ ถ้าทำอะไรดื้อรั้นไป ผลงานจะเสียครับ

 

เป็นอย่างไรบ้างครับ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หน้าตัก 5 นิ้วหลอมจากก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนในราคากิโลกรัมละ 5 หยวน ทั้งองค์หลอมออกมาแบบนี้เลย 137.- บาท ถูกกว่าเรซิ่นพลาสติค แต่ทนกว่า ไม่เหลืองตลอดกาลนานเลยครับ ถูกกว่า ดีกว่า และเป็นแก้วคริสตัลแท้ๆ เนื้อแก้วตันๆเลยครับ

 

137.- บาทต่อองค์ ไม่รวมค่าโอเว่อร์เฮดนะครับ ซึ่งในที่นี้ค่าโอเว่อร์เฮดก็ไม่แพง ทำการตลาดได้ไหมครับ ?

ต้นทุนอะไรจะถูกกว่าแก้ว ไม่มีอีกแล้ว ทองเหลือง หรือแม้แต่เรซิ่นยังแพงกว่า

ชิ้นงานแก้วคริสตัลหล่อ แพงติดอันดับโลก องค์ขนาดหน้าตักแค่ 4 นิ้ว แทบทุกยี่ห้อ เขาขายในประเทศที่ไม่มีภาษีก็องค์ละ 4 หมื่นกว่าบาทแล้ว ทำไมเราไม่หันมาดูวัสดุที่เป็นแก้ว และขณะนี้จีนเปิดโอกาสให้เราล่ะครับ

ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว มีฟองอากาศเพียงเท่านี้ ผมรับได้ครับ หรือจะไม่ให้มีฟองอากาศเลย ต้องติดตามวิธีแก้ไขต่อไปครับ

 

หลอมออกมาอย่างไรอย่างนั้นเลยครับ นี่คือแค่กระเทาะหรือแกะปูนปลาสเตอร์ออกเฉยๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ ล้างน้ำเปล่าก็สวยแบบนี้แล้ว

 

การสร้างพระพุทธรูปโดยไม่มีทับเสร็จ ส่วนที่ยื่นลงมาจากก้น หรือที่ทางช่างสิบหมู่ กรมศิลปากรเรียกว่า " ทับเสร็จ " เมื่อสร้างแล้วไม่มีทับเสร็จจะเป็นอย่างนี้ครับ วางบนฐานพระแล้วจะลื่นหลุดได้ง่ายๆครับ จึงไม่ควรทำเช่นนี้

 

วิธีแก้ไขการเกิดฟองอากาศในชิ้นงานที่หลอมจากก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของจีนนั้น มีหลายหลากวิธี เท่าที่ผมเห็นชิ้นงานขนาดหน้าตัก 5 นิ้วแล้วนั้น ผมเห็นว่า มีหลายหลากวิธีดังต่อไปนี้

1. การใช้อุณหภูมิจุดหลอมเหลวตามกำหนดเวลาที่โรงงานผู้ผลิตก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อเขาบอกมา หรือมีตารางกำหนดเวลามาให้ แต่เราอาจใช้วิธีขยายเวลาช่วงจุดหลอมเหลวให้นานขึ้นอีกเพียงแค่ 15 - 30 นาที จากชิ้นงานที่ผมเห็นแล้ว คาดว่าอีกไม่เกิน 30 นาทีฟองอากาศก็จะหลุดออกไปแล้ว และผมเชื่อว่าทางจีนสร้างก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อสำหรับชิ้นงานขนาดหน้าตัก 4 นิ้วมากกว่า จึงกำหนดเวลามาให้แค่นี้ แต่คนไทยนิยมขนาดหน้าตัก 5 นิ้วมากกว่า จึงต้องใช้เวลาให้ฟองอากาศลอยตัวได้นานกว่าเล็กน้อย

 

วิธีแก้ไขการเกิดฟองอากาศในชิ้นงานที่หลอมจากก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของจีน

2. การปรับปรุงก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อด้วยการเพิ่มเคมีภัณฑ์ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีออร์เด้อร์เข้ามารอจำนวนมาก ต้องมากพอที่จะทำการทดสอบทดลองปรับปรุงก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อ

2.1 ขอให้ผู้ผลิตก้อนแก้วในจีนเป็นผู้ปรับปรุงคุณภาพ ซึ่งมักจะไม่ค่อยได้รับการตอบสนอง นอกจากว่า จำนวนที่เราต้องการซื้อนั้น มีจำนวนนับตันต่อวัน คือประมาณวันละ 1 - 5 พันกิโลกรัมต่อวัน ทางจีนจะยอมพัฒนาคุณภาพให้โดยเพิ่มราคาอีกไม่มาก อาจจะขึ้นราคาจากกิโลกรัมละ 10.- บาท ( เพราะเมื่อซื้อมากราคาก็จะประมาณนี้อยู่แล้วคือกิโลกรัมละ 10.- บาท ) ขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 15.- บาท ซึ่งถ้าหากถามผมจากประสบการณ์ ผมว่าขึ้นอยู่กับออร์เด้อร์ทางเรามากกว่า หากออร์เด้อร์มากพอก็ควรให้จีนเขาทำครับ

 

วิธีแก้ไขการเกิดฟองอากาศในชิ้นงานที่หลอมจากก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของจีน

2.2 ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ทำให้เราต้องเป็นผู้ปรับปรุงคุณภาพก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อเอง ก็สามารถทำได้อีกหลายหลากวิธีดังข้อ 2.2.1 และ 2.2.2

 

วิธีแก้ไขการเกิดฟองอากาศในชิ้นงานที่หลอมจากก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของจีน

2.2.1 ส่งก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของจีนไปให้โรงงานแก้วบางแห่งซึ่งเขารับปรับปรุงคุณภาพแก้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงงานในไทยหรือในต่างประเทศ ซึ่งโรงงานหลอมแก้วแบบนี้มีจำนวนน้อยมาก เพราะส่วนมากมีงานสร้างชิ้นงานประเภทอื่นๆเต็มหรือล้นมืออยู่แล้วแทบทั้งนั้น

สมมุติว่ามีโรงงานในไทยโรงงานหนึ่งรับปรับปรุงคุณภาพให้ โดยมีน้ำหนักให้เขาแก้ไขประมาณครั้งละ 300 - 700 กิโลกรัม ทางโรงงานอาจขอค่าปรับปรุงคุณภาพครั้งละประมาณ 2 - 3.5 หมื่นบาท ที่ต้องคิดราคาประมาณแค่นี้เป็นอย่างน้อย เพราะอะไรที่ทำน้อย ย่อมมีราคาสูงเป็นธรรมดา สมมุติว่าเขาเรียก 35,000.- บาทต่อครั้งครั้งละไม่เกิน 700 kg. ก็จะตกค่าปรับปรุงคุณภาพกิโลกรัมละ 50.- บาท เมื่อรวมกับราคาของจีนกิโลกรัมละ 25.- บาท รวมแล้วกว่าจะได้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อที่มีคุณภาพก็ประมาณกิโลกรัมละ 75.- บาท ถือว่ายังราคาถูกเมื่อเปรียบเทียบกับไปซื้อแก้วคริสตัลเพื่อการหลอมต่อจากค่ายมาตรานสูงสุด

หมายเหตุ
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลอมแก้วจากก้อนแก้วจีนในจำนวนน้อย แต่ต้องการทำไปเรื่อยๆ เมื่อใดกิจการใหญ่โตแล้ว ก็สามารถตกลงกับโรงงานในจีนได้อีกทีหนึ่งครับ

 

วิธีแก้ไขการเกิดฟองอากาศในชิ้นงานที่หลอมจากก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของจีน

2.2.2 ปรับปรุงคุณภาพก้อนแก้วจากจีนด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีนี้มีอีกหลายวิธี แต่ทุกวิธีจะหลีกเลี่ยงการใช้เบ้าหลอมแทบไม่ได้เลย ซึ่งงานระดับนี้ ควรต้องอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ผมยังไม่อยากให้ใครทำผิดกฏหมาย ทั้งๆที่ถ้าอยู่ในต่างจังหวัดก็ทำได้ เพราะเป็นทุ่งนา ทุ่งโล่ง แต่เวลาผมเขียน ผมต้องคำนึงถึงทั่วทุกแห่ง หากไปทำผิดกฏหมายก็จะทำให้มีความผิดได้ครับ แต่ถ้าถามผมว่า ถ้าทำในที่โล่งแบบว่าเป็นทุ่งนาโล่ง ทำได้ไหม ทำได้ครับ แต่ผมยังไม่อยากเปิดเผยวิธีดีกว่าครับ

 

ข้อ 2.2.1 และ 2.2.2 ในที่นี้ ผมมองว่า หากมีการนำก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อมาปรับปรุงคุณภาพนั้น ไม่ว่าจะส่งไปโรงงานหลอมแก้วในไทยหรือในประเทศใดก็ตาม เขาย่อมใช้เบ้าหลอมแก้วขนาดความจุไม่ต่ำกว่า 350 kg. หรือจะทำการปรับปรุงคุณภาพด้วยตนเอง ( ในที่นี้คือด้วยตัวผมหรือนายช่างหลอมแก้ว ผมลืมไปว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะหลอมแก้วในเบ้าหลอมความจุไม่ต่ำกว่า 350 kg. ได้ ) ไม่ว่าอย่างไร ในที่นี้เราต้องใช้เบ้าหลอมขนาดมาตราฐาน ซึ่งหากเบ้าหลอมขนาดจุ 350 kg. เกิดประสบอุบัติเหตุ เช่นเบ้าหลอมแตก หรือรั่วอย่างรุนแรง จะเกิดเหตุที่ยากแก่การควบคุม๑ และความจุขนาดนี้ กับ สารเคมีที่จะต้องมาผสมใหม่ จะเกิดมลภาวะที่เป็นพิษได้๑ ( ไม่เหมือนการหลอมก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อขนาดองค์พระหน้าตักแค่หน้าตัก 9 นิ้ว ซึ่งมีน้ำหนักเพียงแค่องค์ละ 6 kg. ย่อมไม่ก่อให้เกิดมลภาวะใดๆ ) [ ยกเว้นแก้วสีขุ่นขาวที่เป็นพิษแน่นอน และแก้วเรืองแสงในที่มืดซึ่งผมยังไม่ทราบว่าจะเป็นพิษหรือไม่ ? ]

 

นี่คือภาพเบ้าหลอมแก้วขนาดมาตราฐานขนาดเล็ก ( เล็กคือเล็กสำหรับงานอุตสาหกรรม ไม่ใช่เล็กเพื่องานทดลองทางวิทยาศาสตร์นะครับ นี่คือเล็กในความหมายนี้ )

 

ภาพประกอบเพื่อให้เข้าใจง่ายๆว่า แก้วทุกชนิดมักมีส่วนประกอบทางเคมีหลายตัวและในปริมาณเปอร์เซ็นต์ของเคมีแต่ละตัวไม่เหมือนกันในแต่ละสูต

ดังนั้นเมื่อเราได้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนที่หากเขาไม่ยอมปรับปรุงคุณภาพ เราต้องมาปรับปรุงคุณภาพเอง ก็ต้องอาศัยนักหลอมแก้วหรือนักเคมีที่จะมาปรับปรุงเคมีเพื่อให้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อนั้น เมื่อหลอมเป็นชิ้นงานแล้วจะมีฟองอากาศน้อยและเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

ผมได้รับความเมตตาจากคุณสมศักดิ์เจ้าของโรงงานแก้วเจษฏาที่เคยร่วมกับผมสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วด้วยวิธีเป่าแก้วด้วยปอดและเทหยอดน้ำแก้วในแม่พิมพ์เหล็ก

ภาพเตาหลอมแก้วด้านหลังนั้น คือเตาที่ทางโรงงานแก้วเจษฏาหรือไม่ว่าโรงงานแก้วใดในไทยมักใช้กัน คือมีประมาณเตาละ 8 เบ้า และบางโรงงานมักจะมี 2 - 3 เตา ดังนั้น หากเขาเมตตาเราหรือเขามีปฏิสัมพันธุ์ที่ดีกับท่านใด เขาอาจยอมช่วยปรับปรุงคุณภาพแก้วให้เราด้วยเบ้าหลอมของเขา โดยไม่เสียงานหลักของเขา เพราะเขามีเบ้าหลอมแก้วสิบกว่าเบ้า เขายอมใช้ปรับปรุงคุณภาพให้เราสักเบ้าสองเบ้าก็เป็นเรื่องไม่ลำบากครับ

และผมยังเชื่อว่า ในประเทศไทยนี้ ผมยังสามารถหาโรงงานแก้วที่เขายอมช่วยเหลือเราเรื่องนี้ได้ในราคาไม่แพงนัก

 

ก้อนแก้วคริสตัลเกรด 30% PbO เพื่อการหลอมต่อจากจีนระบาดเข้าไปในหลายประเทศ โดยบางประเทศในยุโรปมีคนนำเข้าและขายส่งอยู่อย่างแพร่หลาย เมื่อไม่นานมานี้เองก็มีคนส่งก้อนแก้วที่ขายส่งอยู่ในต่างประเทศมาให้ผมเป็นตัวอย่าง ซึ่งผมมั่นใจว่า หากคนไทยคนใดที่ต้องการสร้างชิ้นงานแบบนี้ ทำง่ายๆ ไม่ต้องใช้แม่พิมพ์เหล็ก แต่ใช้แม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ที่ต้นทุนแสนถูก และผมเชื่อว่า หากพบยี่ห้อของจีนยี่ห้อใดที่ไม่มีฟอง หรือ ฟองอากาศน้อยก็จะทำพระบูชาหน้าตัก 5 นิ้วได้ในราคาต้นทุนแค่องค์ละ 137.- บาท ราคาขายปลีกตามห้างใหญ่ๆองค์ละไม่ต่ำกว่า 5 - 7 หมื่นกว่าบาท เราขายแค่องค์ละ 5 - 6 พันบาทผมรับประกันว่า ทำไม่ทันขาย

จุดประสงค์ที่ผมเขียนมานี้ คือคนไทยคนไหนหัวไว รีบคว้าไอเดียนี้มาทำครับ ใครเกิดก่อนก็มักจะอยู่ในวงการนั้นได้มั่นคงกว่าคนเกิดทีหลังครับ

 

ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของจีนของบริษัทนี้มาในลักษณะกลมแบนอย่างที่ผมถืออยู่นี่ครับ มีทุกสีในเนื้อแก้วนะครับ ไม่ใช่สีเคลือบ สีในเนื้อแก้วที่หลอมแล้วสีไม่เพี้ยน และเรื่องฟองอากาศขนาดเล็กในชิ้นงาน กับฟองอากาศขนาดใหญ่ที่ฐานนั้น ผมเชื่อว่า แค่ขยายเวลาการหลอมออกไปอีกแค่ครึ่งชั่วโมง ( ทางผู้ผลิตมีตารางการกำหนดมาให้ ) คุณก็เพียงแค่เพิ่มชั่วโมงหลอมเหลวออกไปนิดนึง แต่ชั่วโมงการอบลดอุณหภูมิเขาใช้ได้ครับ

 

หรือท่านที่มีแนวความคิดว่า สร้างพระแก้วถวายไว้ในแผ่นดินไทยหรือบนโลก หรือจะสร้างเพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่ม เช่น สร้างให้คนทำบุญเช่า จากนั้นนำส่วนต่างไปสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน ทำสาธารณกุศลก็ยังได้ครับ